top of page

“งานบุญหลวง” ที่ด่านซ้าย

เผยแพร่ครั้งแรก 1 ส.ค. 2551


งานบุญหลวงที่ด่านซ้ายเป็นการรวมเอา “งานบุญพระเวส” ซึ่งเป็นฮีตเดือน ๔ และ “งานบุญบั้งไฟ” ฮีตเดือน ๖ เข้าด้วยกัน ในช่วงเดือน ๘ ข้างขึ้น เป็นการสร้างศรัทธาและสร้างขวัญกำลังใจให้กับการเริ่มต้นฤดูเพาะปลูกที่จะมีขึ้น งานบุญหลวงซึ่งมีการเล่นผีตาโขนในการแห่บุญพระเหวดหรือบุญพระเวสเป็นการผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาและความเชื่อของท้องถิ่นเข้าด้วยกัน

  

งานบุญหลวงของอำเภอด่านซ้ายจัดขึ้นที่วัดโพนชัย อันเป็นวัดสำคัญในท้องถิ่น ประเพณีและพิธีกรรมเริ่มตั้งแต่ วันแต่ง เป็นวันที่ชาวบ้านและศรัทธาวัดโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่จะมาแต่งเครื่องธรรม ขัน ๕ ขัน ๘ บายศรีสู่ขวัญ ฯลฯ ส่วนตอนค่ำของวันแต่งผู้เฒ่าผู้แก่จะมานอนที่วัดโพนชัยเพื่อเตรียมเบิกพระอุปคุตที่จะมีขึ้นในช่วงเช้ามืดของ วันโฮม


วันที่สองหรือวันโฮม ประมาณตี ๓ พ่อแสนแก้วอุ่นเมืองซึ่งเป็นหนึ่งในตำแหน่งพ่อแสนเมืองด่านซ้ายทำการบวชตนเองเป็นพราหมณ์เพื่อเป็นตัวแทนสวดเบิกพระอุปคุต ส่วนพ่อแสนเมืองจันทร์จะเป็นผู้งมหาพระอุปคุต

 

เมื่อบวชพราหมณ์รับศีลรับพรเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปยังลำน้ำหมัน ลำน้ำสายสำคัญของเมืองด่านซ้าย โดยขบวนที่มารับพราหมณ์และผู้งมพระอุปคุตที่วัดโพนชัยจะตั้งขบวนยังบ้านเจ้าพ่อกวนก่อน ในขบวนแห่ไปเบิกพระอุปคุตประกอบด้วย ดนตรีปี่พาทย์ เหล่านางแต่ง และผู้เฒ่าผู้แก่ เชื่อกันว่าพิธีกรรมการเบิกพระอุปคุตจะช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ และทำให้งานบุญที่จะมีขึ้นสำเร็จอย่างราบรื่น เมื่อเบิกพระอุปคุตขึ้นมาแล้วจึงแห่มายังวัดโพนชัย จากนั้นสวดทั้ง ๔ ทิศและนำพระอุปคุตไปไว้บนหิ้งใกล้อารามที่เตรียมไว้ แล้วเดินเวียนรอบอารามและเจดีย์ ๓ รอบจึงเสร็จพิธี ในพิธีกรรมดังกล่าวจำเป็นต้องปิดประตูวัดทุกจุดไม่ให้มีใครเข้าใครออก แม้กระทั่งสัตว์ เพราะเชื่อว่าหากมีคนหรือสัตว์เดินเข้าออกขณะทำพิธีจะทำให้เกิดเหตุอันตรายกับงานบุญได้ 


ก่อนรุ่งสางของวันโฮม พ่อแสนแก้วอุ่นเมืองทำพิธีเบิกพระอุปคุตจากลำน้ำหมันมายังวัดโพนชัย


ช่วงสายของวันโฮมมีการทำบายศรีสู่ขวัญแก่เจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียมที่บ้านเจ้าพ่อกวน โดยผู้ทำบายศรีฯ ล้วนเป็นพ่อแสน นางแต่ง คนเฒ่าคนแก่ เมื่อเสร็จจากพิธีกรรมแล้วจะรับประทานอาหารร่วมกันบนเรือน ในขณะที่บริเวณลานหน้าบ้านจะมีดนตรีบรรเลง มีผีตาโขนใหญ่ออกมาร่วมงานด้วย ในงานบุญหลวงที่ด่านซ้ายจะมีผีตาโขนเล็กเป็นจำนวนมาก ส่วนผีตาโขนใหญ่มีเพียง ๒ ตัวคือชายหญิงเท่านั้น ซึ่งผีตาโขนทั้ง ๒ ตัวจะโชว์อวัยวะเพศ สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์

 

เมื่อเจ้าพ่อกวน แม่นางเทียม เหล่าพ่อแสน นางแต่ง เสร็จพิธีกรรมแล้ว จึงตั้งขบวนแห่เพื่อไปร่วมงานที่ทางเทศบาลจัดขึ้นยังวัดโพนชัย กิจกรรมในวันโฮมที่วัดโพนชัยจะจัดอย่างเป็นระเบียบและทางการมาก ซึ่งวันโฮมในระดับชาวบ้านคือวันที่ญาติพี่น้องได้กลับมาร่วมงานบุญด้วยกัน มีการเต้นฟ้อนกันเป็นที่สนุกสนาน


ลานวัดโพนชัยในวันแห่จะมีชาวบ้านนำต้นกัณฑ์มาแห่รอบอาราม ๓ รอบแล้วถวายพระในอาราม

ส่วนผีตาโขนเล็ก-ใหญ่ต่างกระโดดโลดเต้นเต็มลานวัดเพื่อรอรับขบวนแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง 


วันที่สามหรือ วันแห่ ที่กล่าวว่าเป็นวันแห่เนื่องจากในช่วงบ่ายของวันนี้จะมีการแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง แต่ในช่วงเช้าทางหน่วยงานเทศบาลซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดงานได้เชิญชาวบ้านในแต่ละตำบลเข้าร่วมในขบวนแห่ โดยแต่ละขบวนประกอบด้วย ต้นกัณฑ์ ซึ่งหมายถึงปัจจัยที่ทางชุมชนนำมาถวายให้กับวัดโพนชัย ขบวนชาวบ้าน ขบวนผีตาโขน ขบวนเซิ้งการละเล่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวด่านซ้าย อาทิ ทั่งบั้งหรือคนป่ากระทุ้งไม้พลอง ควายตู้ที่เป็นการจำลองการไถ การทอดแห ซึ่งขบวนจะเคลื่อนไปตามถนนพระแก้วอาสา จากหน้าเทศบาลด่านซ้ายไปยังวัดโพนชัย และแห่รอบอุโบสถ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีผีตาโขนมาชุมนุมมากมาย หลังจากนั้นผีตาโขนทั้งหลายจะพากันออกไปอาละวาดตามละแวกบ้านเรือนต่าง ๆ 


ช่วงบ่ายประมาณ ๑๕.๓๐ น. จะทำการบายศรีสู่ขวัญพระเวสสันดร ก่อนจะแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง ซึ่งจะทำกันบริเวณสี่แยกบ้านเดิ่น ในพิธีกรรมบายศรีสู่ขวัญจะมีพ่อกวน เจ้าแม่นางเทียม เหล่าพ่อแสน นางแต่ง ทั้งที่ด่านซ้ายและบ้านนาหอเข้าร่วมด้วย ตำแหน่งเจ้าพ่อกวนที่ด่านซ้ายมีอยู่ในชุมชน ๓ แห่งด้วยกันคือ ที่ด่านซ้าย ที่บ้านนาหอ และที่บ้านนาหิน โดยเฉพาะเจ้าพ่อกวนที่ด่านซ้ายและที่นาหอจะทำพิธีต่าง ๆ ด้วยกันเสมอ

 

พิธีบายศรีสู่ขวัญจะมีพ่อแสนหนูรินเป็นผู้นำในการทำพิธี ในปะรำพิธีมีพระพุทธรูปอันเป็นสัญลักษณ์ของพระเวสสันดร ตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาม้า คัมภีร์ต่าง ๆ พระสงฆ์ ๔ รูปนั่งประจำสี่ทิศ และทิศทั้งสี่มีเสาคล้ายฉัตรเป็นตัวแทนหรือเทพรักษาทิศประจำอยู่ อันเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงเขตพิธีกรรมของงานและเพื่อป้องกันอันตรายหรือมาร เมื่อทำพิธีบายศรีสู่ขวัญเสร็จจึงแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง มีแสนด่านถือพานบายศรีนำหน้า ตามด้วยขบวนแห่พระพุทธรูป ขบวนพระสงฆ์ ๔ รูป ขบวนคณะแสน เจ้าแม่นางเทียม นางแต่ง ผีตาโขนทั้งเล็กและใหญ่ และปิดท้ายด้วยขบวนแห่บั้งไฟซึ่งมีเจ้าพ่อกวนนั่งบนบั้งไฟแห่มาด้วย ขณะที่ทำการแห่ เจ้าพ่อกวนจะหว่านหมากกัลปพฤกษ์หรือโปรยทานแก่ผู้ที่เข้าร่วมแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง ผู้ที่ได้รับหมากกัลปพฤกษ์จะนำไปเป็นขวัญถุงต่อไป

 

เมื่อขบวนแห่ถึงวัดโพนชัย ผู้คนรวมทั้งผู้ที่แต่งเป็นผีตาโขนจะถอดหน้ากากแล้วร่วมแห่พระรอบอารามและธาตุครบ ๓ รอบ จากนั้นนำพระพุทธรูปที่สมมุติเป็นพระเวสสันดรเข้าไปประดิษฐานยังอาราม จากนั้นเจ้าพ่อกวนจึงออกมาเพื่อทำการจุดบั้งไฟที่เตรียมไว้ ซึ่งในปีนี้มีบั้งไฟ ๓ บั้ง คือของเจ้าพ่อกวน เจ้าแม่นางเทียม และเหล่าพ่อแสน การจุดบั้งไฟถือเป็นการเสี่ยงทายว่าคำอธิษฐานของเจ้าของบั้งไฟจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ต่างอธิษฐานเรื่องฝนฟ้าให้ตกต้องตามฤดูกาลและมีพืชผลสมบูรณ์ตลอดปี อีกด้านหนึ่งของงานเมื่อแห่พระ-เวสสันดรเข้าอารามแล้วจะนำผีตาโขนใหญ่ไปลอยน้ำหมันพร้อมกระทงสะเดาะเคราะห์ เพื่อเป็นการลอยเคราะห์และสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ออกไปจากบ้านเมือง 


ขบวนแห่พระเวสสันดรในวัดโพนชัย  


ในช่วงหัวค่ำจะมีการสวดมาลัยหมื่นมาลัยแสน จำเป็นต้องสวดให้เสร็จก่อนเที่ยงคืน เนื่องจากพอขึ้นเช้าวันใหม่ประมาณตี ๒ จะมีการสวดสังกาจย์แล้วตามด้วยเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์


วันเทศน์ จะเริ่มเทศน์มหาชาติกัณฑ์แรกประมาณ ตี ๓ โดยจะเทศน์ทั้งวันทั้งคืนจนครบ ๑๓ กัณฑ์ ในช่วงกลางวันของวันเทศน์จะมีแห่กัณฑ์หลอนของชาวบ้านด้วย กัณฑ์หลอนคือต้นกัณฑ์ที่ชาวบ้านร่วมกันทำมาถวายพระที่กำลังเทศน์ไม่เจาะจงกัณฑ์ ถือว่าได้บุญยิ่งนัก

งานบุญหลวงที่ด่านซ้ายจะทำกันช่วงเดือน ๘ ข้างขึ้น ซึ่งต่างจากงานบุญหลวงที่อื่น ๆ ในภาคอีสานที่ทำในเดือน ๔ เพราะงานบุญหลวงด่านซ้ายหรือที่วัดโพนชัยจะทำหลังงานประเพณีไหว้พระธาตุซึ่งมีในเดือน ๖ และบวงสรวงอารักษ์หลักเมืองประจำด่านซ้ายทั้งหอน้อยบริเวณแยกบ้านเดิ่นและหอหลวงหลังพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งมีช่วงเดือน ๗ ในพิธีบวงสรวงอารักษ์หลักเมืองจะมีดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าในอดีตมาทรงเจ้าพ่อกวนและรับสั่งอนุญาตให้จัดงานบุญหลวงได้ในภายหลัง

 

นอกจากนี้ยังมีวัดโพธิ์ศรี บ้านนาเวียง วัดศรีสะอาด บ้านหนามแท่ง และวัดศรีภูมิ บ้านนาหอ ซึ่งเป็นชุมชนหมู่บ้านในท้องถิ่นเมืองด่านซ้ายที่จัดงานบุญหลวงในช่วงเดือน ๘ เช่นเดียวกับวัดโพนชัย ที่สำคัญวัดศรีโพธิ์ วัดศรีสะอาด และวัดศรีภูมิ ต้องจัดงานบุญหลวงหลังวัดโพนชัยและก่อนงานบุญเข้าพรรษาเท่านั้น  


 

เหมือนพิมพ์ สุวรรณกาศ


อ่านเพิ่มเติมได้ที่:


Comments


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page