เผยแพร่ครั้งแรก 1 มี.ค. 2559
วันขึ้นปีใหม่ไทยในเดือนเมษายน เป็นเวลาที่ทุกคนได้มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์และสนุกสนานร่วมกันในงานบุญประเพณีสงกรานต์ เพราะนอกจากจะได้ร่วมทำบุญใส่บาตร รดน้ำดำหัวผู้อาวุโสแล้ว ยังเป็นเวลาที่หนุ่มสาวแต่ละบ้านจะได้มีโอกาสมาเจอะเจอเพื่อร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ ก่อพระเจดีย์ทราย และชมมหรสพต่าง ๆ เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนในสังคมที่อาศัยช่วงเทศกาลนี้ทำความรู้จัก สร้างความใกล้ชิดและความสามัคคีให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น
ทุกวันนี้แม้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะยังพบเห็นการเล่นน้ำสงกรานต์ตามท้องถนนและย่านชุมชนต่าง ๆ แต่กิจกรรมงานบุญตามวัดก็ลดน้อยลงไปมาก ต่างจากในอดีตที่แทบทุกย่านจะมีการจัดประเพณีสงกรานต์ รวมทั้งภาครัฐเองก็เป็นเจ้าภาพจัดพิธีทำบุญใส่บาตรที่ท้องสนามหลวงทุกปี
แต่พื้นที่บริเวณ “วิสุทธิกษัตริย์” เป็นย่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ยังคงให้ความสำคัญต่อบุญประเพณีสงกรานต์ มีการจัดงานเกือบทุกปี เป็นเวลายาวนานกว่า ๗๐ ปีมาแล้ว

ผู้ชนะการประกวดเทพีวิสุทธิกษัตริย์ในอดีตจะได้รับขันน้ำพานรองเป็นรางวัล แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นถ้วยเบญจรงค์แทน เพราะการผลิตขันน้ำพานรองที่เป็นงานฝีมือของย่านพานถมได้สูญหายไปแล้ว
บุญสงกรานต์ย่านวิสุทธิกษัตริย์
วิสุทธิกษัตริย์เป็นหย่อมย่านที่ตั้งอยู่ระหว่างคลองบางลำพูกับคลองผดุงกรุงเกษม ก่อนปี พ.ศ. ๒๔๗๑ บริเวณนี้ยัง เป็นเรือกสวนที่มีชุมชนต่างๆ ตั้งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ เช่น บ้านพานถม บ้านช่างหล่อ บางขุนพรหม ฯลฯ โดยมี ถนนสามเสนพาดผ่านทางทิศตะวันตกขนานกับลำน้ำเจ้าพระยา มีถนนวิสุทธิกษัตริย์ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ตัดตรงจากแม่น้ำมาบรรจบกับถนนสามเสน เกิดเป็นแยกบางขุนพรหมซึ่งขณะนั้นยังคงเป็นวงเวียนสามเสน กระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ มีการตัดถนนวิสุทธิกษัตริย์เพิ่มเติม เชื่อมจากวงเวียนสามเสนไปทางตะวันออกจรดกับ ถนนราชดำเนินนอก การตัดถนนสายดังกล่าวนอกจากจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางแล้ว ยังเป็นการเปิดพื้นที่สวนผลไม้และย่านชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ด้านในให้เจริญขึ้น เกิดร้านค้าและบ้านเรือนขึ้นสองฝั่งถนน รวมถึงนำพาผู้คนในแต่ละย่านให้มาพบปะสังสรรค์กันง่ายยิ่งขึ้น
จุดเริ่มต้นของการจัดประเพณีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์เกิดขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๔๗๘ เมื่อคุณสุวมิตร หรือแฉล้ม คงนิยม ซึ่งขณะนั้นเปิดร้านขายของจิปาถะชื่อ “ปรสุราม” บนถนนวิสุทธิกษัตริย์ ได้ชักชวนเพื่อนบ้านให้ร่วมจัดทำบุญเลี้ยงพระในวันตรุษสงกรานต์ โดยจัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙ และได้รับความร่วมมือจากทุกครัวเรือนเป็น อย่างดี ต่างพากันมาช่วยตระเตรียมข้าวของและสถานที่ งานบุญครั้งนี้สามารถนิมนต์พระจากวัดในละแวกใกล้เคียงได้ถึง ๒๐๐ รูป วันงานมีพิธีใส่บาตร เลี้ยงพระ และการละเล่นพื้นบ้าน เช่น เสือซ่อนเล็บ เข้าผีแม่ศรี ผีสาก ฯลฯ สร้างความสุขและความสนุกสนานให้กับผู้คนในย่านเป็นอย่างมาก
หลังเสร็จสิ้นงาน คุณสุวมิตร คงนิยม คุณฉัตร เศวตดิษ และคุณแส ศรีกุลดิศ ซึ่งเป็นแม่งานในการจัดงานครั้งนี้ได้ปรึกษาและตกลงที่จะจัดงานบุญสงกรานต์ต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสในชุมชนขณะนั้น คือ ท่านเจ้าคุณวิเศษธรรมธาดา อดีตอธิบดีศาลฎีกา และหลวงอนุการรัชฏ์พัฒน์ (อู๋ รัชตะศิลปิน) การจัดงานทำบุญวันขึ้นปีใหม่ไทยของชาววิสุทธิกษัตริย์จึงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
นางงามตักบาตรสงกรานต์
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ซึ่งเป็นปีที่มีการจัดงานใหญ่โตมากขึ้น มีการนิมนต์พระภิกษุมารับบาตรเช้าถึง ๒,๐๐๐ รูป จัดเลี้ยงพระและตั้งศาลาโรงทานเรียงรายตลอดสองฝั่งถนนวิสุทธิกษัตริย์ พร้อมกับเป็นปีแรกที่มีการประกวดประขันนางงามตักบาตรสงกรานต์ขึ้น ด้วยวิธีการทอดบัตรกับหญิงสาวที่มาร่วมในงานบุญ คือ เป็นการเลือกสรรหญิงสาวผู้มีกิริยามารยาทงดงามที่เข้ามาร่วมงาน ด้วยการที่คณะกรรมการจะนำบัตรไปติดให้กับหญิงสาวที่ตรงกับคุณลักษณะ หากหญิงสาวท่านใดได้รับบัตรมากกว่าคนอื่น ก็จะได้รับตำแหน่งนางงามไป นับเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเช่นเดียวกับการประกวดนางสาวสยามในยุคนั้น ซึ่งเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ และได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างแพร่หลายตามหน้าหนังสือพิมพ์ในเวลานั้น
การจัดงานดำเนินเรื่อยมาทุกปีจนกระทั่งเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น จึงชะงักและยกเลิกไปถึง ๔ ปี ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๘๕-๒๔๘๘ จนเมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองสงบในราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๙ คุณสุวมิตร คงนิยม จึงตั้งโต๊ะประกาศที่จะจัดงานสงกรานต์ขึ้นอีกครั้ง โดยขอรับบริจาคทุนทรัพย์จากชาวบ้านเพื่อใช้ในการจัดงาน แต่ที่สำคัญยิ่งในครั้งนี้ก็คือ ได้รับพระมหากรุณาจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สนับสนุนการจัดงานสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ พร้อมกับพระราชทานนามของงานว่า “งานรับขวัญชาววิสุทธิกษัตริย์” งานสงกรานต์ปีนั้นนอกจากการทำบุญใส่บาตร เลี้ยงพระ มีมหรสพการละเล่น และประกวดนางงามตักบาตรสงกรานต์เช่นเดิมแล้ว ยังมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จำลองจากวัดตรีทศเทพมาประดิษฐานไว้ที่กองอำนวยการ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำอีกด้วย
เทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์
กระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก “การประกวดนางงามตักบาตรสงกรานต์” เป็น “การประกวดเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์” โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์เรื่องการตักบาตรเช้า การแต่งกาย และเลือกสรรหญิงงามจากกิริยามารยาทแบบไทย เพื่อยึดมั่นขนบธรรมเนียมอย่างไทยที่ต้องการอนุรักษ์ไว้ แตกต่างจากการประกวดนางสาวไทยในเวลาเดียวกัน ที่มีการพัฒนารูปแบบการแต่งกายเป็นอย่างตะวันตก เน้นอวดสรีระกันมากขึ้น

คุณสรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ อดีตเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ปี ๒๕๓๘ และคุณ
ทิพย์สุภา รุ่งเรืองศรี เทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ปี ๒๕๔๒ บนขบวนแห่รถบุปผชาติ
ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นปีสุดท้ายที่คุณสุวมิตร คงนิยม ได้ร่วมเป็นประธานจัดงานฯ ก่อนจะเสียชีวิตลง จากนั้นในปีต่อ ๆ มาได้มีข้าราชการและผู้มีเกียรติที่อาศัยอยู่ในละแวกสลับเปลี่ยนกันเป็นประธานจัดงาน กระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๐๓ นับเป็นปีแรกที่มีการบันทึกชื่อผู้ได้รับตำแหน่งเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ คือ นางสาวเบญจวรรณ บุญตามี ซึ่งได้ก้าวเข้าสู่วงการมายาในเวลาต่อมา
การประกวดเทพีวิสุทธิกษัตริย์ในระยะหลัง ๆ สาวงามบางคนสามารถไต่เต้าไปเป็นนักแสดงและผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม หลายคนสามารถก้าวเข้าสู่เวทีประกวดที่ใหญ่กว่าและคว้ารางวัลกลับมา ซึ่งคุณนวนัฑ แจ่มนิยม ประธานประชาคมชาววิสุทธิกษัตริย์คนปัจจุบันและเป็นผู้จัดการประกวดเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์มานานนับสิบปี ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงเวทีประกวดนางงามในพื้นที่ใจกลางกรุงแห่งนี้ว่า
ในอดีตผู้ที่ได้รับการทอดบัตรมักเป็นลูกหลานของคนในชุมชนที่เดินทางมาร่วมทำบุญใส่บาตร แต่ต่อมามีคนจากภายนอกเข้ามาร่วมงานและได้ร่วมการประกวดด้วย ซึ่งคณะกรรมการจัดงานก็มิได้มีข้อห้ามแต่อย่างใด เหตุการณ์สำคัญที่ถูกกล่าวขานและคุณนวนัฑยังจดจำได้ดีก็คือ งานสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๐๕ คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ (สกุลเดิม ลิมปภมร) ได้เดินทางมาร่วมงานทำบุญใส่บาตรที่ท้องสนามหลวงกับหลวงนรอัฎบัญชาผู้เป็นบิดา จากนั้นผ่านมาทางถนนวิสุทธิกษัตริย์พบเห็นการจัดงานประจำปีจึงหยุดชม ปรากฏว่าได้รับการทอดบัตรเข้าร่วมประกวดเทพีสงกรานต์อย่างปัจจุบันทันด่วน และตำแหน่งเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ในปีนั้นก็คือ คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ นั่นเอง สร้างความฮือฮาให้กับผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก วันนั้นนอกจากคุณหญิงพันธุ์เครือจะได้รับตำแหน่งเทพีแล้ว ยังได้รับขันน้ำพานรองเครื่องถมที่เป็นของดีของย่านเป็นรางวัลอีกด้วย
เวทีประกวดเทพีวิสุทธิกษัตริย์มีการพัฒนาและได้รับความสนใจจากสังคมภายนอกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นต้นมา มีการประกวดผ่านสื่อประเภทต่างๆ มากขึ้น นอกเหนือจากสื่อหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่มาแต่เดิม โดยปีนี้ได้มีการถ่ายทอดเสียงการประกวดผ่านทางวิทยุเป็นปีแรก และอีก ๒ ปีต่อมาได้พัฒนาเป็นการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ นับเป็นตัวชี้วัดถึงความสนใจของประชาชนไม่แพ้การประกวดนางงามระดับชาติ
ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งคือ การเริ่มประกวดหนูน้อยสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ที่ยังคงเน้นการแต่งกายชุดไทยและกิริยามารยาทแบบไทยเป็นสำคัญ สะท้อนถึงความพยายามในการปลูกฝังคุณค่าขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของชาติตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความภาคภูมิใจของคนในย่านวิสุทธิกษัตริย์ เช่นเดียวกับที่เวทีประกวดของย่านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญของสังคมมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย อย่างหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา อดีตนายกสมาคมสตรีไทย ผู้เป็นแบบอย่างของสตรีที่อุทิศเวลาให้กับงานส่วนรวมได้มาเป็นประธานการตัดสินในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ และกรณีที่คุณสรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ผู้ได้รับตำแหน่งเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนางสาวไทยในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ นับเป็นตัวบ่งชี้มาตรฐานการคัดสรรผู้เข้าประกวดบนเวทีระดับชาวบ้านสู่ความสำเร็จในเวทีระดับชาติ
หลักการเดิม บนสถานที่ใหม่
ปัจจุบันงานสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ยังคงจัดเป็นประจำทุกปี แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างภายหลังจากการสร้างสะพานพระราม ๘ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ทำให้การจัดประกวดเทพีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ต้องย้ายไปจัดในหลายพื้นที่ เช่น ลานอเนกประสงค์ของโรงแรมนูโว ซิตี้ อันเป็นบริเวณตลาดนานาเก่า และล่าสุดในปีที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๘) ได้ย้ายไปจัดที่ลานอเนกประสงค์ใต้สะพานพระราม ๘ คุณนวนัฑกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะมีอุปสรรคในด้านพื้นที่ แต่ทุกคนที่เคยร่วมงานกันมาไม่รู้สึกย่อท้อ และปัจจุบันยังขยายเครือข่ายความร่วมมือไปยังชุมชนตรอกบ้านพานถมที่มีคุณพิมพ์ศิริ สุวรรณาคร เป็นประธานชุมชน กับย่านบางลำพูที่มีคุณอรศรี ศิลปี ผู้อาวุโสของย่านคอยช่วยประสานความร่วมมือจากหลายภาคส่วน แม้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์แต่ละชุมชนจะมีการจัดงานคาบเกี่ยวกันอยู่ แต่เมื่อมีโอกาสก็จะมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานกับชาววิสุทธิกษัตริย์ เพราะอยู่ละแวกเดียวกัน จึงเสมือนประหนึ่งเครือญาติ
การประกวดเทพีสงกรานต์ในปัจจุบัน จะมีการประกอบพิธีบวงสรวงสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์ ก่อนถึงวันงาน ๑ วัน เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างถนนวิสุทธิกษัตริย์ขึ้นมา หลังจากเสร็จพิธี ผู้เข้าประกวดจะร่วมกันสรงน้ำพระ ปล่อยนกปล่อยปลา ตกเย็นจะเป็นเวทีประกวดหนูน้อยสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ วันรุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่จะมีพิธีทำบุญใส่บาตรพระภิกษุสามเณร โดยผู้เข้าประกวดเทพีทุกคนจะต้องมาเข้าร่วมพิธี จากนั้นช่วงสายจึงเป็นการประกวดเทพีในรอบแรกและรอบตัดสินตามลำดับ โดยยังคงรักษาเงื่อนไขการตัดสินเช่นในอดีต คือ แต่งกายสุภาพด้วยการสวมใส่ชุดไทยจิตรลดา กิริยามารยาทงามอย่างไทย และไม่เน้นเครื่องประดับตกแต่งภายนอก นับเป็นเสน่ห์สำคัญของเวทีประกวดสาวงามแห่งนี้ที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของกุลสตรีไทยไว้ ซึ่งในเวทีประกวดอื่น ๆ ไม่มี ถือเป็นแบบอย่างและเอกลักษณ์ที่อาจช่วยกระตุ้นให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงคุณค่าเดิมของหญิงไทย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ที่เน้นให้ผู้หญิงต้องกล้าแสดงออกในทุกด้าน จนอาจมองข้ามความพอดีอย่างไทยไป
ขอบคุณ: คุณนวนัฑ แจ่มนิยม ประธานประชาคมชาววิสุทธิกษัตริย์
อ้างอิง
“ว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อตัดถนนวิสุทธิกษัตริย์”. ราชกิจจานุเบกษา. ๒๐ มีนาคม ๒๔๗๑ เล่ม ๔๕.
อังคเรศ บุณทองล้วน. กระบวนการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีการประกวดนางสาวไทย. วิทยานิพนธ์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๒๕๓๗.
๗๐ ปี ประเพณีสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ ๗ ทศวรรษแห่งตำนาน งามตระการคู่พระนคร. (เอกสารเย็บเล่ม)
ณัฐวิทย์ พิมพ์ทอง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
Kommentare