เผยแพร่ครั้งแรก 1 ส.ค. 2551

บรรยากาศในงานเสวนาร้านหนังสือริมขอบฟ้า
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา มูลนิธิเล็ก–ประไพ วิริยะพันธุ์ จัดการเสวนา ณ ร้านหนังสือริมขอบฟ้า เรื่อง “ราชดำเนิน–ราษฎรดำเนิน: ความหมายและความทรงจำ” โดยมีรองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ที่ปรึกษามูลนิธิฯ และอาจารย์ชาตรี ประกิตนนทการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้เกียรติเป็นวิทยากรนำการเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เข้าร่วมเสวนา
ท่ามกลางถนนหลากสายในประเทศไทย ถนนสายหนึ่งตั้งอยู่กลางกรุงเทพฯ กลับมีความแตกต่างมากกว่าถนน สายอื่น ๆ ด้วยถนนสายนี้เปรียบเหมือนสมุดบันทึกเล่มใหญ่ที่บันทึกความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยเอาไว้ภายในถนนนั้น “ถนนราชดำเนิน”
จาก “สยามเก่า” สู่ “สยามใหม่”
ถนนราชดำเนินสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิต พระราชวังใหม่ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นที่ประทับแทนพระบรมมหาราชวังที่เริ่มคับแคบ พระราชวังดุสิตยังเปรียบเหมือนกับตัวแทนของความเป็น “สยามใหม่” จากการปฏิรูปการปกครองของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกด้วย
เดิมเส้นทางที่ใช้สัญจรระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิต ใช้เส้นทางถนนสามเสนต่อถนนจักรพงษ์ และถนนหน้าพระธาตุ ซึ่งคดโค้งไม่ค่อยสะดวก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริตัดถนนขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิตโดยตรง จึงมีการตัดถนนราชดำเนิน โดยแบ่งการสร้างออกเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงแรกถนนราชดำเนินนอกในพ.ศ.๒๔๔๒ ใช้เวลาประมาณ ๒ ปีจึงแล้วเสร็จ ช่วงที่ ๒ ถนนราชดำเนินกลางและราชดำเนินในสร้างเสร็จในพ.ศ.๒๔๔๔ โดยสำเร็จเป็นถนนราชดำเนินตลอดทั้งสายในพ.ศ.๒๔๔๖
ลักษณะของถนนราชดำเนินเชื่อมต่อระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิตเช่นนี้ ในแง่ของสัญญะ ถนนราชดำเนินจึงเปรียบดังทางเชื่อมระหว่าง “สยามเก่า” กับ “สยามใหม่” ในประเด็นดังกล่าวนี้อาจารย์ชาตรี ประกิตนนทการ ให้ข้อเสนอไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ถนนราชดำเนินคือสัญลักษณ์ที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ “สยามเก่า” คือพระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กับพื้นที่ “สยามใหม่” คือ พระราชวังดุสิตและวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ซึ่งเป็นการสะท้อนความเปลี่ยนแปลงอุดมคติทางการเมืองแบบจักรพรรดิราชมาสู่สมบูรณาญาสิทธิราชย์องค์ประกอบที่แวดล้อมถนนราชดำเนิน ไม่ว่าจะเป็นสะพาน พระราชวัง และตำหนักที่สร้างขึ้นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก คือภาพสะท้อนของพระราชอำนาจสมัยใหม่ และศูนย์กลางจักรวาลสมัยใหม่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ”
ถนนราชดำเนินยังได้มีการวางสัญลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ที่โดดเด่น คือ พระบรมรูปทรงม้า และพระที่นั่งอนันตสมาคม ประกอบกับรูปแบบของถนนราชดำเนินนอกและราชดำเนินกลางที่สร้างขึ้นภายใต้รูปแบบถนนที่เรียกว่า “Avenue” คือบนถนนมีเกาะกลางแบ่งถนนสองด้าน ถนนส่วนกลางกว้างด้านละประมาณ ๕ ช่องทาง ถัดมามีเกาะกั้นแบ่งถนนออกอีก ๒ ช่องทาง ทั้งสองข้างทางเป็นบาทวิถี ปลูกต้นไม้คือต้นมะฮอกกานีบนถนนราชดำเนินกลางและต้นมะขามบนถนนราชดำเนินนอก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการแสดงออกถึงความศิวิไลซ์ของสยามและความยิ่งใหญ่ของสถาบันกษัตริย์ในช่วงเวลานั้นผ่านถนนราชดำเนิน
จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ประชาธิปไตย
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญบนถนนราชดำเนินเกิดขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทำให้สถาบันกษัตริย์ กลุ่มเชื้อพระวงศ์ กลุ่มขุนนางอาวุโสทั้งหลายต้องถูกยุติอำนาจและจำกัดบทบาทลง โดยมีคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองในชื่อ “คณะราษฎร” กลุ่มอำนาจใหม่เข้ามีอำนาจทางการปกครองแทน
คณะราษฎรในฐานะกลุ่มอำนาจใหม่ได้เข้าช่วงชิงและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ของความหมายและความทรงจำของกลุ่มอำนาจเก่า เริ่มด้วยเลือกใช้ลานพระบรมรูปทรงม้าเป็นสถานที่รวมพลในวันประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทั้งยังได้ปักหมุดเปลี่ยนแปลงการปกครองลงบนพื้นถนนราชดำเนินนอก บริเวณด้านข้างพระบรมรูปทรงม้า และด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม อันเป็นสัญลักษณ์ของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
โดยเฉพาะบริเวณถนนราชดำเนินกลางได้กลายเป็นพื้นที่ที่คณะราษฎรเข้ามาเปลี่ยนแปลงมากที่สุด จากการรื้อเกาะด้านข้างถนนและต้นมะฮอกกานีเพื่อขยายถนนให้กว้าง สร้างอาคารพาณิชย์ โรงแรม ที่ล้วนแล้วแต่เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบใหม่ที่มีความเรียบง่าย ต่างจากสถาปัตยกรรมสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีลวดลายและรายละเอียดมากมาย สะท้อนถึงความเสมอภาคในระบอบประชาธิปไตย การสร้างอาคารพาณิชย์บนถนนราชดำเนินยังเป็นการขัดกับจุดประสงค์เดิมที่แรกสร้างถนนราชดำเนินที่ไม่ต้องการให้มีอาคารร้านค้าใด ๆ
“อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” เป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญที่ถูกวางทับลงบนถนนราชดำเนินกลางเพื่อแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตย องค์ประกอบทั้งหมดล้วนแล้วแต่แฝงไว้ซึ่งสัญลักษณ์เกี่ยวข้องกับคณะราษฎร คือ ปีกทั้งสี่ด้านของอนุสาวรีย์และรัศมีของอนุสาวรีย์ มีความสูง-ยาว ๒๔ เมตร หมายถึงวันที่ ๒๔ พานรัฐธรรมนูญตั้งอยู่สูงจากฐาน ๓ เมตร คือ เดือน ๓ หรือเดือนมิถุนายน (ตามปฏิทินไทยซึ่งนับวันที่ ๑ เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่) ปืนใหญ่ที่ฝังอยู่รอบอนุสาวรีย์มีจำนวน ๗๕ กระบอก คือ พ.ศ. ๒๔๗๕ พระขรรค์ทั้ง ๖ เล่มที่บานประตู (ซุ้มฐานพานรัฐธรรมนูญ) คือหลัก ๖ ประการของคณะราษฎรที่ประกาศในวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง

อนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินนอก
นอกจากนั้นเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญๆ ในสมัยต่อมาก็ล้วนแล้วแต่ช่วยขับให้ภาพของถนนราชดำเนินในฐานะ “ถนนแห่งประชาธิปไตย” ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของบรรดานิสิตนักศึกษาเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยจากรัฐบาลทหารของจอมพลถนอม กิตติขจร จากเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ที่เหล่านิสิตนักศึกษาเดินขบวนจากธรรมศาสตร์ไปบนถนนราชดำเนิน กระทั่งถูกทหารเข้าปราบปรามจนผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก หรืออีกครั้งจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. ๒๕๓๕ ประชาชนประท้วงขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตแกนนำคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่ทำการรัฐประหารรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สุดท้ายก็ต้องจบลงด้วยความรุนแรง ยิ่งเสริมภาพถนนราชดำเนินในฐานะถนนแห่งประชาธิปไตยให้มีความเด่นชัดขึ้นในความรับรู้ของคนทั่วไป
หากเปรียบถนนราชดำเนินเป็นคนเราแล้ว คนผู้นี้คงเป็นผู้อาวุโสที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมผ่านกาลเวลามามากว่าร้อยฝนร้อยหนาว แต่ในวันนี้ราชดำเนินกำลังกลายเป็น “ฌองเอลิเซ่” [Champs-Elysées]

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตยบนถนนราชดำเนินกลางที่เกิดขึ้น
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕
จากแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๕๔๐ รวมทั้งโครงการจัดทำแผนแม่บทและพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินและพื้นที่บริเวณต่อเนื่อง พ.ศ. ๒๕๔๔ ที่ติดตามมา ล้วนเป็นความพยายามของภาครัฐที่ต้องการพัฒนาพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ
การดำเนินงานโครงการดังกล่าวนั้นคือการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ให้กับเกาะรัตนโกสินทร์และถนนราชดำเนิน โดยรื้อสิ่งก่อสร้างที่เห็นว่าบดบังภูมิทัศน์สถานที่สำคัญต่าง ๆ บนเกาะรัตนโกสินทร์ ในส่วนของถนนราชดำเนินมีความพยายามย้ายชุมชนที่ตั้งอยู่ในบริเวณถนนราชดำเนินออกไป เพื่อเปลี่ยนให้ถนนราชดำเนินกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเฉกเช่นถนนฌองเอลิเซ่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ทว่าโครงการนี้ถูกแรงต่อต้านจากทั้งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและนักวิชาการหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงให้เกาะรัตนโกสินทร์หรือถนนราชดำเนินกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาพบกับความสวยงามแต่ขาดชีวิตลมหายใจ ด้วยแรงต่อต้านที่เข้ามาอย่างมากมายและต่อเนื่องทำให้โครงการดังกล่าวต้องพักไว้ จนเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันนำเอาโครงการดังกล่าวกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
เหตุใดถนนราชดำเนินจำต้องเดินตามอย่างฌองเอลิเซ่ที่ตั้งอยู่คนละซีกโลก
“ถนนราชดำเนิน” จะเป็นถนนราชดำเนินที่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อพัฒนาการของการเมืองไทยและระบอบประชาธิปไตยเพียงนี้ไม่ได้หรืออย่างไร ?
ปิยชาติ สึงตี
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
Comments