เผยแพร่ครั้งแรก 1 ม.ค. 2554
ชาวไทใหญ่ซึ่งกลุ่มคนไทยบางกลุ่มเรียกว่า เงี้ยว แต่เป็นคำที่คนไทใหญ่ไม่ชอบ เพราะส่อไปในทำนองดูถูก หรือบางครั้งในบางแห่งก็เหมาเรียกคน กุลา หรือ กุหล่า โดยเข้าใจผิด เพราะเป็นคำที่เรียกคนต่องซู่ ซึ่งเป็นชาติพันธุ์หนึ่งในพม่าที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดไทใหญ่ในรัฐฉาน จนบางครั้งไทใหญ่ก็พลอยถูกเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกัน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นอาศัยในเขตภาคเหนือของประเทศพม่า ตอนใต้ของประเทศจีน และภาคเหนือของประเทศไทย โดยนักวิชาการบางท่านลงความเห็นว่า คำว่า ชาน หรือ ฉาน มีที่มาจากคำว่า สยาม นั่นเอง

การรำกิ่งกะหล่า ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสาธุประดิษฐ์ ในซอยสาธุประดิษธุ์ ๔๔/๑
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวไทใหญ่คือ ความศรัทธาอย่างลึกซึ้งต่อพุทธศาสนา โดยเฉพาะในการทำบุญทำทาน จนถึงกับมีคำกล่าวว่า ”อย่ากินอย่างม่าน (พม่า) อย่าตาน (ทำทาน) อย่างไท” เพราะคนไทใหญ่ให้ความสำคัญต่อการบำเพ็ญทานบารมี ใครทำทานให้กับวัดกับพุทธศาสนามาก ก็จะได้รับเกียรติได้รับการยกย่องจากสังคมของคนไทใหญ่
ปัจจุบันชาวไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตพม่าประสบปัญหาความไม่สงบในบ้านเมืองตนเอง ทำให้ชาวไทใหญ่บางกลุ่มต้องการอิสระจากการปกครองของรัฐบาลพม่า จึงพยายามต่อสู้เพื่อความสงบสุขและความเป็นธรรมให้กับกลุ่มชนของตน บางส่วนอพยพหลบหนีเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะเข้ามาทางอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน และอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ แต่เนื่องจากรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายจัดการที่ชัดเจนกับกลุ่มชนนี้ ทำให้กลุ่มชาวไทใหญ่รู้สึกถึงความไม่มั่นคงทั้งในเรื่องความปลอดภัยและที่พักพิง ส่งผลให้ชาวไทใหญ่จำนวนมากย้ายถิ่นทะลักเข้าสู่เมืองใหญ่ต่าง ๆ รวมถึงกรุงเทพมหานครที่เปรียบเสมือนแหล่งรวมชาติพันธุ์หลากหลายซึ่งหลั่งไหลเข้ามาทำมาหากิน
คนไทใหญ่อพยพเข้ามากรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงต้นรัตนโกสินทร์ โดยมี วัดดอนหรือวัดดอนกุหล่า เป็นศูนย์กลางสำคัญ การตั้งบ้านเรือนของชาวไทใหญ่มักไม่ไกลจากวัด เนื่องจากชาวไทใหญ่ผูกพันกับวัด เพราะถือว่าเป็นแหล่งรวมจิตใจที่สำคัญ กระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่วัดดอนกุหล่า ทำให้กลุ่มคนไทใหญ่ในกรุงเทพฯ ขาดศูนย์รวมจิตใจไปขณะหนึ่ง ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๐ ชาวไทใหญ่ได้พยายามสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมของกลุ่มตนขึ้นใหม่ในเขตสาธุประดิษฐ์ เพื่อเป็นศูนย์กลางของชาวไทใหญ่ในกรุงเทพฯ อีกครั้ง
การเข้ามาของชาวไทใหญ่ช่วงแรกเพื่อมาทำการค้าขาย โดยเฉพาะชาวกุหล่าหรือชาวไทใหญ่ในเขมรที่เชี่ยวชาญด้านการทำพลอย อาจกล่าวได้ว่ามีแหล่งอัญมณีที่ไหน มีชาวไทใหญ่อยู่ที่นั่น รวมถึงบ่อไพลินที่เขมร ต่อมาชาวไทใหญ่ประสบปัญหาความไม่สงบในบ้านเมืองของเขมร ทำให้ต้องแยกย้ายไปทำกินที่อื่นๆ ส่วนหนึ่งได้ข้ามเข้ามาทำพลอยในจังหวัดจันทบุรีและกาญจนบุรีของไทย บางส่วนเข้ามาเป็นช่างทำพลอยในกรุงเทพฯ ปัจจุบันช่างพลอยชาวไทใหญ่เหลืออยู่น้อยมาก ยังพบเห็นอยู่บ้างในแถบสีลม การอพยพย้ายถิ่นของชาวไทใหญ่มีเข้ามาเรื่อย ๆ โดยระยะหลังชาวไทใหญ่ที่อพยพเข้ามามีทั้งต้องการเข้ามาประกอบอาชีพและผลจากปัญหาทางการเมือง
ปัจจุบันชาวไทใหญ่ในกรุงเทพฯ มี ๒ กลุ่มคือ พ่อค้านักธุรกิจและลูกจ้างแรงงาน ส่วนใหญ่คือกลุ่มชนชั้นแรงงานที่ประกอบอาชีพลูกจ้างทั่วไป เช่น ช่างทาสีและทำงานในโรงงาน ในขณะที่ศูนย์รวมจิตใจของชาวไทใหญ่ในปัจจุบันคือ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสาธุประดิษฐ์ ในซอยสาธุประดิษธุ์ ๔๔/๑ ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจทางศาสนาของพระสงฆ์และกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน
ที่ศูนย์ฯ มีพระสงฆ์หมุนเวียนมาจำพรรษาในแต่ละปีไม่น้อยกว่า ๑๐ องค์ พระสงฆ์ที่จำพรรษาทั้งหมดเป็นชาวไทใหญ่หรือมีเชื้อสายไทใหญ่ นอกจากนี้ชาวไทใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้ร่วมมือกันก่อตั้งมูลนิธิพระแสงธรรมขึ้นเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เพื่อเป็นศูนย์กลางช่วยเหลือชาวไทใหญ่ เช่น การเรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง สงเคราะห์ผู้ยากไร้ เป็นต้น รวมทั้งร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่น ๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองทุกประการ
มูลนิธิพระแสงธรรมได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติธรรมสาธุประดิษฐ์ ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องทางศาสนาและสังคม ชาวไทใหญ่ในกรุงเทพฯ มีการประกอบกิจกรรมในวันสำคัญต่าง ๆ ทั้ง ๑๒ เดือนคล้ายกับประเพณีของไทย เช่น เข้าพรรษา ออกพรรษา อาสาฬหบูชา มาฆบูชา วิสาขบูชา สงกรานต์ และวันขึ้นปีใหม่ ชาวไทใหญ่หลากหลายอาชีพจะเข้ามาร่วมทำบุญประกอบพิธีทางศาสนาในศูนย์ปฏิบัติธรรมสาธุประดิษฐ์อย่างหนาแน่น
ในวันสำคัญอย่างเช่นวันออกพรรษา วันขึ้นปีใหม่ ชาวไทใหญ่ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่แสดงถึงวัฒนธรรมประเพณีของกลุ่มตน เช่น การรำกินนรกินรี (การรำกิ่งกะหล่า) การรำโตหรือก้าโต ฯลฯ ในงานชาวไทใหญ่ทั้งชายหญิงทุกเพศวัยจะเข้าร่วมชมการแสดงอย่างสนใจ หลังจากทำบุญและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว เมื่อมีผู้คนเข้าร่วมงานมากขึ้น หนุ่มวัยฉกรรจ์ชาวไทใหญ่จะออกแสดงศิลปะร่ายรำร่างกายหรือเรียกว่า การลายมือ อันเป็นศิลปะการป้องกันตัวอย่างหนึ่ง ผู้ชายที่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มจะมีการฝึกและร่วมแสดงเป็นกลุ่มเหมือนการเข้าสังคม ในวันงานตลอดซอยสาธุประดิษฐ์ ๔๔/๑ จะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายสินค้า ทั้งอาหาร หนังสือ เสื้อผ้าของชาวไทใหญ่ รวมทั้งเทปและซีดีเพลงของนักร้องจากรัฐฉานด้วย แสดงให้เห็นว่าชาวไทใหญ่ยังผูกพันกับวิถีดั้งเดิมของตน แม้จะอยู่ไกลในบ้านเมืองอื่นก็ตาม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
Comments