top of page

ประชาธิปไตยเมืองไทย : พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไอ้กันเป็นประมุข?

ศรีศักร วัลลิโภดม

อัปเดตเมื่อ 1 ก.พ. 2567

เผยแพร่ครั้งแรก 4 ก.ค. 2557


ช่วงเวลา ๖–๗ เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ธันวาคมศกที่แล้วมาจนถึงพฤษภาคมจะเข้ามิถุนายนนี้ ข้าพเจ้ากลายเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์ไม่ดีสองอย่าง


ประธานาธิบดีบารัค โอบามาและนางฮิลรารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเยี่ยมชมวิหารพระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ (ภาพจาก Jewel Samad, The Gardian)


อย่างแรกเป็นอารมณ์โกรธเกลียดและขยะแขยงรัฐบาลไอ้กันและพรรคพวก เช่น ไอ้เศส, ไอ้กิดที่คนไทยทั้งรุ่นใหม่และเก่าเป็นจำนวนมากยังหลงว่าพวกนี้เป็นเทพเจ้า


อย่างที่สองคืออารมณ์เกลียดชังปนสมเพชคนในระบอบทักษิณที่เรียกสั้น ๆ ว่าโจรเสื้อแดงซึ่งเป็นเหตุแห่งความวุ่นวายและความแตกแยกที่ทำให้คนไทยฆ่ากันเองมากกว่าทศวรรษ ตั้งแต่ .. ๒๕๔๗ เป็นต้นมา


ข้าพเจ้าเกลียดไอ้กันเพราะเป็นเจ้าลัทธิประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งที่ไม่แคร์กับการซื้อเสียงขายเสียงเพื่อให้พรรค การเมืองที่ชั่วร้ายเข้ามามีเสียงส่วนมากในรัฐสภา จนในที่สุดกลายเป็นเผด็จการรัฐสภาภายใต้การบัญชาของทศกัณฐ์หน้าเหลี่ยม ขี้ข้าตัวโปรดของไอ้กัน


หลังการปฏิวัติของทหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทำให้รัฐบาลหน้าเหลี่ยมสิ้นสุดลงไปอย่างสิ้นเชิงท่ามกลางความดีใจและโล่งใจของคนส่วนใหญ่ในชาติ ข้าพเจ้าก็พลอยฟ้าพลอยฝนโล่งใจไปกับเขาด้วย เพราะก่อนหน้านี้เป็นทุกข์กับ กปปส. และเครือข่ายเช่น คปท. กองทัพธรรม และกลุ่มหลวงปู่พุทธอิสระที่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวของมวลมหาชนที่ออกมาขับไล่ไอ้หน้าเหลี่ยมและน้องสาวอย่างอหิงสาวิธี ด้วยพลังการตื่นรู้ของคนทุกเพศทุกวัยทุกชาติพันธุ์และหมู่เหล่าในประเทศ แต่ก็ยังไม่เห็นแสงสว่างของความสำเร็จ


นับเวลาเข้าถึง ๖ เดือนแต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับรัฐบาลที่ไม่มีศีลธรรมและจริยธรรมได้ แถมยังหน้าด้านหน้าทนอีกต่างหาก


ที่สำคัญ อมนุษย์เหล่านี้ยังใช้วิธีการโสมมสองอย่างมาตอบโต้ อย่างแรกก็คือ การอ้างความชอบธรรมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบที่ไอ้กันและประเทศมหาอำนาจตะวันตกรับรอง กับอย่างที่สองคือใช้กลไกของความมั่นคงภายในของชาติคือตำรวจและโจรเสื้อแดงอันธพาล ออกมาปราบปรามให้ร้าย ใส่ร้าย และทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก พร้อมกันกับอ้างความเป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตย


การเคลื่อนไหวออกมาต่อต้านและขับไล่รัฐบาลทรราชระบอบทักษิณที่ต่อสู้เรื่อยมาถึง ๖ เดือนเต็มนี้ ได้เผยร่างเปลือยกายรัฐบาลที่เป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากการเป็นทรราชอมนุษย์ภายใต้เปลือกของประชาธิปไตยแบบไอ้กันเท่านั้น เพราะนอกจากมีการอ้างอิงอย่างข้าง ๆ คู ๆ ว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว ยังได้รับการรับรองและสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลไอ้กันและบริวาร เช่น ไอ้เศส ไอ้กิด และไอ้ออสซี่ด้วย


เมื่อเล่นไม้นี้ให้เห็น ข้าพเจ้าจึงมองไม่เห็นถึงหนทางชนะของฝ่ายมวลมหาประชาชนที่ดูอหิงสาอย่างไร้เดียงสา เพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีอำนาจบังคับใช้เช่นอำนาจรัฐ แม้ว่าจะมีพลังมวลมหาประชาชนที่ตื่นรู้ออกมาร่วมต่อสู้เรียกร้องกันมากมายกว่าครั้งใด ๆ ในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ตาม


มวลมหาประชาชนกลุ่มหนึ่งมีความคิดให้สู้ต่อไปอย่าได้ถอยโดยวิธีการอหิงสา แต่บางกลุ่มก็เรียกร้องให้ทหารที่ประกาศตัวว่าจะอยู่ข้างประชาชนออกมาจัดการกับรัฐบาลชั่ว แต่ดูไม่ได้ผลเพราะทหารเกรงว่า ถ้าออกมาปฏิวัติรัฐประหารและจะตกหลุมกับดักของรัฐบาลชั่วได้ใช้เป็นข้อกล่าวหาเพื่อยืนยันกับไอ้กันและบริวารว่า ทหารเข้ามาปฏิวัติล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะทหารเคยมีประสบการณ์ดังกล่าวนี้มาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงรีรอแต่ก็เคลื่อนไหวเงียบ ๆ โดยส่งกำลังคนมาคอยดูแลประชาชนไม่ให้ได้รับความรุนแรงอันเป็นการกระทำของพวกตำรวจและโจรเสื้อแดง


และดูเหมือนคอยติดตามดูการเคลื่อนไหวของตำรวจและอันธพาลของฝ่ายรัฐบาลอยู่ รอจนถึงขั้นจะแตกหักในตอนปลายเดือนพฤษภาคมที่ทางแกนนำฝ่ายมวลมหาประชาชนขีดเส้นตายว่าต้องยุติในวันที่ ๒๖ พฤษภาคมอย่างเด็ดขาด ในขณะที่ทางฝ่ายรัฐบาลซึ่งก็ขับเคลื่อนระดมโจรเสื้อแดงและคนเสื้อแดงซึ่งหลงใหลในประชาธิปไตยแบบไอ้กันออกมาชุมนุมต่อต้าน ซึ่งการเคลื่อนดังกล่าวนี้ปากก็ว่าอหิงสาแต่พฤติกรรมเป็นมหิงสา เพราะมีการขน อาวุธสงครามเข้ามาในประเทศและทุกสารทิศในแทบทุกภาค เริ่มก่อความรุนแรงยิงระเบิด M ๗๙ และใช้ปืนสงครามกวาดยิงฆ่าประชาชน ทำให้เกิดการคาดหวังอย่างวิตกว่า ความรุนแรงและการนองเลือดคงจะหนีไม่พ้น จึงเป็นโอกาสเหมาะที่ในความชอบธรรมที่ทหารจะต้องออกมาประกาศกฎอัยการศึกเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของแผ่นดิน ในวันที่ ๒๐ พฤษภาคมเวลา ๐๓.๐๐ น.


ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการทันเวลาและทันกับเหตุการณ์ในการป้องกันชีวิตของประชาชนโดยแท้ แต่ที่สำคัญก็เป็นการช่วยกู้มวลมหาประชาชนผู้อหิงสาให้ไม่ต้องรอไปเผด็จศึกในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ซึ่งข้าพเจ้าค่อนข้างเชื่อว่าคงไม่สำเร็จ แถมจะเกิดการสูญเสียกว่าที่คิดด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนออกมาล้มระบอบทรราชทักษิณด้วยวิธีอหิงสาก็ดีกับการออกมายึดอำนาจและทำการปฏิวัติของกองทัพทหารนั้น เป็นสิ่งที่มีคุณูปการต่อกันอย่างแยกไม่ออก ซึ่งข้าพเจ้าในฐานะคนแก่ ๆ คนหนึ่งเห็นว่าเป็นบุญของประเทศโดยแท้และนับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งก็ว่าได้


เพราะความศักดิ์สิทธิ์และความเชื่อยังเป็นสิ่งที่ครอบงำและคุ้มครองคนไทยอย่างไม่น้อย ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนเพื่ออหิงสาให้ได้มาถึงความเป็นประชาธิปไตย ฝ่ายทหารก็คงไม่สามารถออกมาปฏิวัติได้ เพราะเป็นการต่อสู้ที่ไม่น่าจะสำเร็จได้โดยง่ายโดยไม่ต้องมีการสูญเสียอย่างมากมาย


ข้าพเจ้าให้น้ำหนักความสำเร็จในการโค่นอำนาจรัฐบาลทรราชของไอ้หน้าเหลี่ยมอย่างเท่ากันระหว่างผู้นำของขบวนมหาประชาชนกับผู้นำของทหารหาญ และถือว่าเป็นบุญบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่จริงในบ้านเมือง


โดยเฉพาะบุญญาบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ


ความขัดแย้งที่นำไปสู่การเดินขบวนคัดค้านและขับไล่ของมวลมหาประชาชนนั้น หาได้เป็นเรื่องของการเป็นประชาธิปไตยไม่ หากเป็นการล้มล้างระบอบทักษิณที่ทำให้เกิดคอรัปชั่นและฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยรัฐบาลทรราชโดยแท้


แต่ฝ่ายทรราชกลับแก้เกี้ยวอ้างการกล่าวหาว่าเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่คนทั้งโลกเขานิยม เลยมีการปั้นน้ำให้เป็นตัวขึ้นมาด้วยการปลุกระดมบรรดาประชาชนคนระดับล่างที่ตามโลกไม่ทันทางสติปัญญาให้หลงเชื่อด้วยโครงการประชานิยม เช่น เอาเงินภาษีรายได้ของรัฐมาแจกจ่ายโดยไม่ต้องทำมาหากินอย่างสุจริต เช่น เงินกองทุนหมู่บ้าน เงินจำนำข้าว การเพิ่มรายได้ค่าจ้างขั้นต่ำ และเงินเดือนของบรรดาผู้จบการศึกษาขั้นปริญญาอันเป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาผู้ประกอบการรายย่อยที่มีทุนน้อยต้องขาดทุนและล้มเลิกกิจการ และรัฐเองก็ไม่สามารถหารายได้มาให้พอเพียงกับรายจ่าย เปิดช่องให้นายทุนรายใหญ่เช่นนายทุนข้ามชาติที่มีทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนยึดครองที่ดินพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน ทั้งหมดนี้เท่ากับเป็นการขายประเทศไทยและแผ่นดินไทยให้ต่างชาติโดยตรง นี่เป็นประการแรก


ประการที่สองก็คือ รัฐทรราชให้ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดกับบรรดาปัญญาชนที่เป็นนักวิชาการ ข้าราชการพลเรือน ทหารและตำรวจที่ขาดมนุษยธรรมและจริยธรรมที่อยู่ภายใต้อำนาจเงินของรัฐที่มาจากการโกงกินให้ออกมาต่อต้านกับฝ่ายประชาชน โดยอ้างเหตุผลของการไม่เป็นประชาธิปไตย


การเคลื่อนไหวและการกระทำของคนเหล่านี้นั้นเป็นสิ่งเห็นประจักษ์แก่วิญญูชนทั่วไป แต่ก่อนเคยเห็นเป็นประจักษ์แต่เพียงทรราชหน้าเหลี่ยม ญาติพี่น้องและบริวารสามารถซื้อเสียงการเลือกตั้งให้มีเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาจนเป็นเผด็จการรัฐสภา และการใช้อำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจและอามิสสินจ้างหว่านล้อมบรรดาข้าราชการประจำทั้งพลเรือน ทหารบางรุ่นบางเหล่าและตำรวจเกือบทั้งสถาบันให้มาเป็นขี้ข้าเครื่องมือของตนเท่านั้น แต่คราวนี้ก็ได้เห็นแนวร่วมจากกกลุ่มคนชั้นสูง คนเคยเป็นผู้ดีมีตระกูล และคนกลุ่มปัญญาชน เช่น อาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ด๊อกตีน นักศึกษา และมิจฉาชีพที่เอาผ้าเหลืองมาห่มพรางกาย


คนกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้แม้ว่าจะไม่ออกมาทำการรุนแรง แต่กลับดูร้ายแรงยิ่งเสียกว่าเพราะเป็นกลุ่มที่พยายามอ้างความถูกต้องชอบธรรมของรัฐบาลไอ้หน้าเหลี่ยมและพรรคพวกว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่ถูกต้องและรักษากฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด สมคบกับพวกสื่อที่ชั่วร้ายทางโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ออกมาประนามและขัดขวางการต่อต้านเรียกร้องของมวลมหาประชาชน


คนเหล่านี้ก็เช่นเดียวกันที่นอกจากเป็นทาสน้ำเงินของไอ้หน้าเหลี่ยมแล้ว ก็เห็นว่าไอ้กัน ไอ้กิด และไอ้เศสคือพ่อแม่ หลาย ๆ คนเคยเป็นคนใหญ่คนโตและเป็นข้าราชการผู้ใหญ่เคยรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยถวายสัตย์ปฏิญาณดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาหรือเคยสาบานตนต่อธงชัยเฉลิมพล ให้ความสำคัญกับองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะพระประมุขในการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกวันนี้กลับแลเห็นว่าไอ้กันเป็นประมุขแทน


ก็เลยเข้าทางกับความคิดเชิงวาทกรรมของข้าพเจ้าว่า ความขัดแย้งครั้งนี้คือวาทกรรมของคนฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายทรราชหน้าเหลี่ยมที่อ้างประชาธิปไตยแบบไอ้กันเป็นประมุขว่า ทันสมัยและถูกต้องกับสากลโลก เพื่อนำไอ้กันกับพรรคพวกเข้ามาให้การสนับสนุนและร่วมกันเข้ามาครอบครองและแย่งทรัพยากรทั้งหลายที่มีของประเทศ ที่เคยให้ความสมบูรณ์พูนสุขและการมีชีวิตร่วมกันอย่างไม่ขัดสนและราบรื่นมาแต่โบราณนับหลายศตวรรษในลักษณะที่เรียกว่า สังคมชาวนา ในขณะที่ทางฝ่ายมวลมหาประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวกันมากมายแบบถล่มทลายหลายล้านคนที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็คือระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ที่ประชาราษฎร์ทั่วทั้งประเทศยังมีความเชื่อมั่นในองค์พระมหากษัตริย์ว่ายังเป็นที่พึ่งในยามเกิดยุคเข็ญและเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญาณของผู้ที่เป็นคนไทยอยู่


การออกมาปฏิวัติของกองทัพครั้งนี้คงไม่เหมือนครั้งใด ๆ ในการปฏิวัติรัฐประหารที่เคยมีมา ซึ่งพอสรุปได้ว่าทุกครั้งของการปฏิวัตินั้นเกิดภาวะขัดแย้งทางเศรษฐกิจการเมืองในชาติอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากรัฐบาลเป็นเผด็จการ ผู้นำทหารที่ทำการปฏิวัตินั้นเริ่มต้นก็เจตนาดี แต่พอมีอำนาจเต็มที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยจริงแบบเผด็จการทุกที


จากเผด็จการของขุนศึกจนมาถึงเผด็จการของนายทุนจนถึงยุคทรราชหน้าเหลี่ยมที่ทำความพินาศให้บ้านเมืองและผู้คนในทุกมิติของสังคมไม่ว่าเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม จนผู้คนในสังคมรุ่นใหม่ในปัจจุบันทนต่อไปไม่ได้ เกิดการตื่นรู้และรวมตัวกันขับไล่และล้มร้างทรราชในขณะนี้ ซึ่งก็ไม่มีทางสำเร็จด้วยวิธีอหิงสาจึงต้องมีกำลังฝ่ายทหารที่ตื่นรู้รักบ้านรักแผ่นดินและรักพระมหากษัตริย์ออกมาจัดการ


แน่นอนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อให้มีการปฏิรูปก่อนที่จะมีการเลือกตั้งนั้น ไม่มีทางใช้อำนาจตามกฎหมายรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยได้ ต้องเป็นอำนาจปฏิวัติแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


จากการเฝ้าติดตามและสังเกตพฤติกรรมและบทบาทของคณะทหารที่ทำการปฏิวัติในครั้งนี้ ผู้นำทหารรุ่นนี้ได้เรียนรู้และตื่นรู้ในความล้มเหลวและผิดพลาดของการปฏิวัติมาดีพอ อีกทั้งไม่เคยคิดจะปฏิวัติมาก่อนและพยายามหลบหลีกไม่แสดงอะไรที่เป็นการก้าวร้าวแสดงอำนาจกับทางฝ่ายรัฐบาลตลอดเวลา หากเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยความอดทน อย่างครั้งน้ำท่วมใหญ่ใน พ.ศ. ๒๕๕๓ ตอนเริ่มต้นของรัฐบาลน้องสาวไอ้หน้าเหลี่ยมซึ่งนับได้ว่าเป็นความล้มเหลวที่สำคัญ ทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างสาหัสแก่ผู้คน รัฐบาลไม่มีทางเป็นที่พึ่งได้ แก้ไขอะไรไม่ได้ มีแต่ทหารเท่านั้นที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงใจ โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบกผู้ที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติในขณะนี้ แม้ว่าในเวลาต่อ ๆ มาทหารก็ดูยิ่งระวังตัวในการที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปกครองและบริหารของรัฐบาลที่แทบไม่มีอะไรเลยที่ไม่เกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นและการแสดงอำนาจเถื่อนของบรรดานักการเมืองและบริวารที่มีทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนและกองกำลังโจรเสื้อแดง


แทบทุกครั้งที่ประชาชนมีการเคลื่อนไหว คัดค้าน ต่อต้านรัฐบาลทหารก็ดูเพิกเฉยโดยเฉพาะปล่อยให้พวกตำรวจขี้ข้าออกมาจับกุม ข่มเหงประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คนเป็นจำนวนมากแม้แต่ข้าพเจ้าเองรู้สึกว่าทหารไม่เอาไหนและถูกซื้อได้ด้วยเงินของทรราชที่คดโกงแผ่นดินมา ทหารเพียงพูดอย่างขอไปทีว่า ไม่เลือกข้างไหนแต่เลือกอยู่ข้างประชาชนและสั่งกองกำลังทหารเข้ามาประจำสถานที่สำคัญที่เกิดความรุนแรงจากการใช้อาวุธสงครามทำร้ายและฆ่าประชาชน


และในยามที่ตำรวจของฝ่ายทรราชและอันธพาลเสื้อแดงเข้าโจมตี ฆ่าฟันประชาชนที่ไม่มีอาวุธก็เกิดปรากฎการณ์ที่มีกองกำลังนิรนามซึ่งก็น่าจะเป็นทหารที่รักบ้านรักแผ่นดินออกมาทำการต่อสู้ช่วยเหลือประชาชน ทำให้ทางฝ่ายทรราชไม่สามารถกวาดล้างมวลมหาประชานที่คัดค้านได้สำเร็จ


ทหารก็คงทำได้เท่านี้แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลทรราชจะถูกกระบวนการศาลยุติธรรมตัดสินให้กลายเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ที่ไม่อาจเป็นรัฐบาลโดยชอบธรรมอย่างเต็มที่ได้


การต่อต้านและการขับไล่รัฐบาลทรราชที่ชั่วร้ายนี้ ได้ดำเนินการกว่า ๖ เดือนเต็ม แต่รัฐทรราชก็ยังดื้อด้านอ้างการเป็นรัฐบาลที่มาจากเสียงเลือกตั้งส่วนมากอย่างเดิม ไม่ยอมลาออกเพื่อให้มีการปฏิรูปโครงสร้างการเมืองการปกครองกันใหม่ แต่ยืนกรานให้มีการเลือกตั้งแบบเดิมที่จะทำให้นักการเมืองฝ่ายตนได้เลือกตั้งเข้ามาเป็นเผด็จการรัฐสภาใหม่


ทางฝ่ายมวลมหาประชานจะเคลื่อนไหวกดดันอย่างใดก็ไม่ยินยอม แถมระดมสรรพกำลังของพวกตำรวจโจรและอันธพาลเสื้อแดงนำอาวุธสงครามมาแทบทุกสารทิศ เตรียมการฆ่าฟันประชาชนด้วยอาวุธสงครามอย่างโหดร้าย เพราะได้ใจว่าฝ่ายประชาชนไม่มีอาวุธและทำการต่อสู้ด้วยวิธีอหิงสาอย่างเดียว


จนเมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะวิกฤต ทหารจึงได้ออกโลงมาระงับข้อพิพาทด้วยการประกาศกฎอัยการศึก และให้ทั้งฝ่ายรัฐทรราชกับฝ่ายมวลมหาประชาชนตกลงกัน ซึ่งก็ไม่มีทางสำเร็จและความรุนแรงก็เริ่มเพิ่มขึ้น และทหารเองก็ถูกรุมด่าจากทั้งสองฝ่าย ฝ่ายรัฐต้องการปรามไม่ให้ทหารออกมาด้วยวิธีการเช่นเดิม คือกล่าวหาว่าจะทำการปฏิวัติรัฐประหารอย่างที่เคยมีมา ส่วนฝ่ายมวลมหาประชาชนที่ไม่ชอบการปฏิวัติโดยทหารก็มี และที่ต้องการให้ทหารออกมาเป็นกองกำลังให้ฝ่ายประชาชนก็มาก


ในวาระเช่นนี้ที่หลายคนสิ้นหวังในทหาร เพราะเชื่อว่าผู้นำทหารหลายคนถูกซื้อโดยทรราช ทหารจึงประกาศยึดอำนาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควบคุมบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวทั้งสองฝ่ายและปราบปรามกลุ่มคนมีอาวุธสงครามและทำร้ายฆ่าฟันประชาชน


ในการปฏิวัติของทหารครั้งนี้ข้าพเจ้าให้ใจกับทหารหาญเต็มร้อย เพราะเป็นปาฏิหาริย์ในอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองที่จะช่วยชีวิตประชาชนและประเทศชาติให้อยู่รอดจากทรราชชั่วร้ายของแผ่นดิน และการเป็นขี้ข้าทางเศรษฐกิจการเมืองและวัฒนธรรมของมหาอำนาจทุนนิยมประชาธิปไตย ดังเช่นไอ้กันไอ้กิดไอ้เศสและบริวาร


ทหารปฏิวัติครั้งนี้หาได้เป็นไปเพื่อความต้องการอำนาจเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแทนอย่างแต่ก่อน ๆ หากปฏิวัติด้วยตื่นรู้และเรียนรู้อย่างแท้จริง ซึ่งก็เห็นได้จากคำกล่าวของหัวหน้าคณะปฏิวัติคือแม่ทัพบก ทหารตระหนักรู้ในบทเรียนของการปฏิวัติที่แล้วมาเป็นอย่างดี หาได้มุ่งยึดอำนาจเพื่อปกครองเป็นรัฐบาลเสียเอง แต่ทนไม่ได้กับการสูญเสียชีวิตของประชาชน ทนไม่ได้กับการกล่าวร้ายให้ร้ายพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักของทุกคนในชาติ


แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การประนามบุคคลชั่วร้ายในชาติที่ทรยศรับเงินอุดหนุนของรัฐบาลมหาอำนาจเข้ามาแหย่เพื่อเสริมความถูกต้องให้กับทรราชหน้าเหลี่ยมและพรรคพวกในการเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่เสียงส่วนใหญ่มาจากการเลือกตั้งโดยการซื้อเสียงและขายเสียง


ในที่สุดการปฏิวัติครั้งนี้มีโรดแมพอย่างคร่าว ๆ ที่สอดคล้องกับของมวลมหาประชาชน คือต้องปฏิรูปก่อนที่จะให้มีการเลือกตั้งที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


ความสำคัญอยู่ที่การปฏิรูป ถ้าหากไม่มีการปฏิรูปอย่างถอนรากถอนโคนในทางโครงสร้างการปกครองและการบริหารที่ใช้อำนาจรวมศูนย์อย่างที่เคยมีมาก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเข้าสู่อีหรอบเดิม แต่การปฏิรูปครั้งนี้จะสำเร็จได้ดีก็ต้องอาศัยอำนาจปฏิวัติที่หลีกไม่พ้นการเป็นเผด็จการ หัวหน้าคณะปฏิวัติผู้เป็นผู้นำทางทหารก็จำต้องมีอำนาจสูงสุดในการสั่งการ และคงต้องอาศัยอำนาจตุลาการศาลทหารรวมทั้งการประกาศกฎอัยการศึกในวาระจำเป็นเป็นเครื่องมือ


ความสำเร็จจะเกิดได้จากความซื่อตรงและความกล้าหาญทางจริยธรรมของหัวหน้าคณะปฏิวัติโดยตรง


หญิงชาวบ้านในสงครามเวียดนามถูกทหารสหรัฐอเมริกาใช้ปืนกลจี้หัว ถือเป็นภาพจากสงครามเวียดนามที่มีชื่อเสียงและเป็นที่คุ้นเคยทั่วโลก


ซึ่งเมื่อปฏิรูปให้เกิดโครงสร้างใหม่และการกระจายอำนาจอย่างมั่นคงแล้ว จึงจะถึงเวลาของการเข้าสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยอีกวาระหนึ่ง ข้าพเจ้าให้ใจและให้ความหวังกับผู้บัญชาการทหารบกคนนี้ซึ่งเป็นผู้นำในการปฏิวัติว่าน่าจะทำได้สำเร็จ เพราะได้แลเห็นพฤติกรรมที่ฉลาดและมีความจริงใจในคำพูดและการกระทำตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลทรราชของน้องสาวไอ้หน้าเหลี่ยม


โดยเฉพาะจุดเริ่มต้นของการที่ทหารออกมาช่วยเหลือประชาชนไม่ให้จมน้ำตายในขณะที่ทางรัฐบาล “เอาไม่อยู่” และภายหลังปฏิวัติแล้วดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกโกงจากการจำนำข้าวของรัฐบาลทรราช รวมทั้งการระบุถึงการที่มีกลุ่มนักวิชาการและปัญญาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านโดยได้รับและหนุนจากรัฐบาลไอ้กัน ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่าทหารและคณะปฏิวัติไม่หวั่นไหวต่อการข่มขู่ของไอ้กันและพรรคพวก


ข้าพเจ้าคิดว่าความสำคัญตั้งแต่นี้ไปก็คือ คณะปฏิวัติและมวลมหาประชาชนจะต้องเผชิญกับศึกกับมหาอำนาจทุนนิยมเสรีประชาธิปไตย เช่นไอ้กันไอ้กิดไอ้เศสและไอ้ออสซี่ที่จะเคลื่อนไหวโดยมีตัวแทนคือบรรดานักวิชาการปัญญาชนและนายทุนข้ามชาติให้บีบคั้นให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว พร้อมกันปลุกปั่นให้คนเข้าใจว่าพระมหากษัตริย์และสถาบันคือเหตุใหญ่ของความไม่เจริญและล้าหลังของประเทศ และสถาปนารัฐประชาธิปไตยทุนนิยมแบบไอ้กัน ซึ่งอาจเอื้อมไปถึงการมีโรดแมพที่จะมีประธานาธิบดีเป็นประมุขแทนพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศด้วย


เพราะฉะนั้นสังคมไทยกำลังเข้าสู่ทางแยก [Turning Point] ระหว่างการเป็นประชาธิปไตยแบบพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือประชาธิปไตยทุนนิยมแบบไอ้กันคือมีประธานาธิบดีเป็นประมุข


ทางหลังนั้นคือความหายนะล่มสลายของคนไทยทั้งชาติที่บรรดามหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์เช่นประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการปล่อยให้บรรดานายทุนข้ามชาติทั้งภายในและภายนอกเข้ามาครอบครองประเทศด้วย เพราะบรรดานายทุนเหล่านี้คือพวกมองโลกแบบไร้พรมแดนไม่จำเป็นต้องมีชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์อีกต่อไป


สุดท้ายนี้ในความคิดของข้าพเจ้าอย่างตื้น ๆ ในเรื่องทางเลือกทางแรกที่เป็นประชาธิปไตยแบบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น จำเป็นต้องปฏิรูปให้มีการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นให้เกิดรัฐบาลท้องถิ่นขึ้น ดูแลให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงที่มีความสัมพันธ์กับฐานทรัพยากรของแต่ละท้องถิ่น


ในขณะเดียวกันก็ต้องจัดการในเรื่องการดำรงอยู่ของสถาบันกษัตริย์ ให้ปลอดจากการที่ถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเป็นกลุ่มทุนอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาแอบแฝงในพระนามของพระมหากษัตริย์ กลุ่มทุนที่แฝงอยู่ในนามของสถาบันดังกล่าวนี้มีความชั่วร้ายพอ ๆ กับกลุ่มทุนข้ามชาติในการทำลายฐานทรัพยากรของท้องถิ่นเหมือนกัน


สำหรับการคุกคามข่มขู่ทางเศรษฐกิจการเมืองที่มาจากไอ้กันและพรรคพวกนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าปัญญาชนที่รู้ซึ้งในฐานทรัพยากรของประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและความอุดมสมบูรณ์ของน้ำและแผ่นดิน ไม่เคยกลัวหรือหวั่นไหวในการที่จะต้องปิดประเทศเพื่อความอยู่รอดเพราะ


เมืองไทยนั้นปิดประเทศ ปี คนไทยก็มีกินและอยู่ได้ แต่นายทุนที่เป็นขี้ข้าอเมริกันคงไม่รอดสักราย

 


Comments


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page