top of page

ประวัติศาสตร์กับตำนาน

ศรีศักร วัลลิโภดม

อัปเดตเมื่อ 8 ก.พ. 2567

เผยแพร่ครั้งแรก 1 พ.ย. 2550


การลงพื้นที่ และพูดคุยกับชาวบ้าน เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์

และตำนานของผู้คนในท้องถิ่น


เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดการเรื่องการเขียนประวัติศาสตร์ไทยใหม่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างผู้คนที่มีความหลากหลายทางชนชาติและชาติพันธุ์ที่อยู่ร่วมประเทศเดียวกันในนามของคนไทย ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความวิตกว่า จะกำหนดให้หน่วยงานไหนของกระทรวง ทบวง กรมใดเป็นผู้จัดการ


ถ้าหากว่าเป็นการจัดการโดยกรรมการชุดเดิมหรือเกิดชุดใหม่ขึ้นตามกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็คงหนีไม่พ้นการชำระประวัติศาสตร์ตามแบบเดิม ๆในรูปของประวัติศาสตร์แห่งชาติอยู่ดี ซึ่งมีลักษณะและวัตถุประสงค์ให้คนเชื่อว่าถูกต้องและยุติ เพราะการเขียนประวัติศาสตร์แบบนี้จะไม่ต่างอะไรกันกับการเขียนตำนาน นั่นเอง


ก่อนการนำเอาความคิดในเรื่องประวัติศาสตร์มาเรียนและมาเขียนกัน ความรู้เรื่องในอดีตของประเทศไทยหรือ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดียวกันนั้น ล้วนเป็นเรื่องของการสร้างตำนานอันเป็นเรื่องราวความเป็นมาของกลุ่มชน ดินแดน ศาสนา ระบบความเชื่อ ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดสำนึกร่วมของความเป็นกลุ่มเดียวกันในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งระดับบ้านและเมือง ต่อมาครั้งกรุงศรีอยุธยาแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ จึงได้มีการสร้างตำนานขึ้นอีกแบบหนึ่ง เรียกว่า พงศาวดาร (พงศ์ + อวตาร) อันเป็นตำนานที่เกี่ยวกับพระราชวงศ์ของพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองราชอาณาจักร


ครั้นมาถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อันเป็นสมัยที่มีแนวคิดและวิธีการในการเขียนเรื่องราวของอดีตที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ แพร่หลายเข้ามา ก็เกิดบรรดาผู้รู้นักปราชญ์ทางด้านประวัติศาสตร์ขึ้น โดยมีพวกฝรั่งเป็นต้นแบบ ผู้รู้ในเรื่องนี้ของไทยคือบุคคลชั้นสูงพวกเจ้านายและขุนนาง แม้แต่องค์พระมหากษัตริย์เองก็ทรงมีบทบาทในเรื่องนี้ด้วย เจ้านายที่สำคัญก็คือ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ทรงให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้ทรงพระนิพนธ์เรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ไว้อย่างมาก รวมทั้งสิ่งที่ประมวลกันเข้าแล้วก็เป็นประวัติศาสตร์แห่งชาติเป็นยุคแรก


เรื่องราวที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ในยุคแรก ๆ นี้ แท้จริงแล้วก็คือการใช้ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือเพื่อให้เกิดความเชื่อตามนโยบายและความต้องการของผู้มีอำนาจและชนชั้นปกครอง ฝรั่งนักล่าอาณานิคมทุกชาติล้วนใช้ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความชอบธรรมในการแย่งชิงครอบครองดินแดนและแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการเมือง ฝรั่งนักล่าอาณานิคมที่มีบทบาทมากกับการสร้างประวัติศาสตร์ของประเทศใกล้เคียงและประเทศไทยก็คือ ฝรั่งเศส วิธีการสร้างประวัติศาสตร์ของคนเหล่านี้ก็คือ พยายามทำลายเรื่องราวของตำนานว่าเป็นเรื่องไม่มีข้อเท็จจริงและความจริงเป็นพื้นฐาน เป็นเรื่องกุและสร้างขึ้นล้วนเหลวไหล โดยหันมาใช้วิธีการทางโบราณคดีอันเป็นเรื่องของการสำรวจและขุดแหล่งโบราณสถานวัตถุ ที่คนในอดีตสร้างไว้มาให้ความหมายและตีความในเรื่องอายุความเก่าแก่และความเป็นมาของบ้านเมือง และผู้คนที่ดูใกล้ความเป็นจริงมากกว่าข้อมูลและเรื่องราวในตำนาน


แต่การมองอดีตที่เป็นประโยชน์กับฝรั่งนักล่าอาณานิคมก็คือ การให้ความหมายการเมืองและการปกครองของบ้านเมืองไปเป็นเรื่องของรัฐรวมศูนย์และอาณาจักรที่เน้นความยิ่งใหญ่ทั้งหมดอยู่ที่พระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ฝรั่งเศสสร้างประเทศกัมพูชาและคนเขมรให้เป็นศูนย์กลางความเจริญของอาณาจักรที่มีอำนาจปกครองบ้านเมืองและดินแดนไทย ลาว เขมร เวียดนาม เรื่อยไปจนพม่า เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการคุกคามสิทธิเหนือดินแดนของบ้านเมืองและผู้คนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกัมพูชาสมัยเมืองพระนคร

โดยเฉพาะในดินแดนประเทศไทยนั้นก็ได้ทำให้นักประวัติศาสตร์ไทยและชนชั้นนำของบ้านเมืองแต่สมัยรัชกาลที่ ๔-๕ ลงมา เชื่อและเข้าใจว่าก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ดินแดนประเทศไทยและผู้คนอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของขอมหรือเขมรจากกัมพูชา ประโยชน์ของการสร้างประวัติศาสตร์แบบนี้ก็เพื่อที่จะเปิดหนทางให้ฝรั่งเศสซึ่งในตอนนั้นได้เขมรหรือกัมพูชาเป็นอาณานิคม สามารถอ้างความชอบธรรมของการเป็นนายเหนือหัวของฝรั่งเศสที่มีต่อเขมรมายังดินแดนประเทศไทยได้


โครงสร้างทางสังคมที่ผสมผสานระหว่างความสัมพันธ์ทางกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนา (ภาพจากหนังสือ เล่าขานตำนานใต้ โดยศรีศักร วัลลิโภดม, พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม, อับดุลเลาะห์ ลออแมน, อุดม ปัตนวงศ์ และคณะ)


ประวัติศาสตร์บ้านเมืองยุคอาณานิคมที่ฝรั่งสร้างขึ้นจึงกลายเป็นตำนานชนิดใหม่ รูปแบบใหม่ ที่สามารถสร้างให้นักปราชญ์ นักประวัติศาสตร์ไทย และชนชั้นปกครองทั้งหลายเชื่อได้อย่างสนิทใจ และมักจะยึดแนวทางแนวคิดและวิธีการของพวกฝรั่งเศสมาให้คนไทยรุ่นใหม่หัวนอกได้เรียนกัน


หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองมาถึงสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี กระแสชาตินิยมเพื่อต่อต้านอาณานิคมแข็งแรงขึ้น ทำให้เกิดการสร้างตำนานชาติไทยขึ้นมาโต้ตอบ เพื่อจะอธิบายว่าไทยเป็นชนชาติใหญ่โตในอดีตที่เคยมีอาณาจักรและความรุ่งโรจน์มาแล้ว โดยเฉพาะอาณาจักรน่านเจ้า ต่อมาจีนฮั่นรุกรานจนต้องถอยร่นมาอยู่ในดินแดนประเทศไทยปัจจุบัน ซึ่งเคยตกอยู่ใต้การปกครองของขอม กัมพูชา จึงเท่ากับยอมรับความเป็นใหญ่ของอำนาจศูนย์กลางจากเมืองพระนครที่บรมครูฝรั่งเศสเขียนขึ้น แต่คนไทยก็สามารถยื้อแย่งดินแดนมาจากขอมได้ ด้วยการสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี อันเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ชาติไทยในดินแดนสุวรรณภูมิ


ประวัติศาสตร์รัฐหรือชาติสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามนี้ ให้ความสนใจถึงความเป็นชนชาติไทยที่สืบสานกันมาแต่ดึกดำบรรพ์อย่างไม่ขาดสาย จึงเป็นประวัติศาสตร์เชื้อชาตินิยมโดยเฉพาะ และยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อดินแดนสยามประเทศที่เคยมีมาแต่โบราณให้เป็นประเทศไทย และคนสยามเป็นคนไทย ซึ่งก็ขัดแย้งจากความเป็นจริงทางชาติพันธุ์ที่ดินแดนนี้เป็นดินแดนที่มีการผสมผสานของคนหลายเผ่าพันธุ์มาแทบทุกยุคทุกสมัย


ประวัติศาสตร์รัฐที่เป็นเชื้อชาตินิยมนี้ก็คือตำนานนั่นเอง เพราะทั้งพยายามและยัดเยียดให้คนเชื่อ ดังเห็นได้ชัดในการกำหนดให้อยู่ในหลักสูตรการศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมจนจบชั้นอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นการตั้งกรรมการใด ๆ จากหน่วยงานใด ๆ ของรัฐให้มารับผิดชอบ จึงยังคงยืนกรานในการชำระประวัติศาสตร์ในลักษณะที่เป็นตำนานอยู่นั่นเอง


การเขียนประวัติศาสตร์ในปัจจุบันที่มีวิวัฒนาการมาจากปราชญ์ของกรีกและโรมันนั้นเป็นแนวคิดที่แตกต่างไปจากเรื่องตำนานโดยสิ้นเชิง คือเป็นเรื่องเพื่อหาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ในอดีต เพื่อให้คนตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าการผิดเพี้ยนให้คนเชื่อ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงในยุคใดยุคหนึ่งซึ่งเป็นเส้นเวลาที่สิ้นสุดลงแล้ว [Change over time] ที่คนในสมัยก่อนไม่มีทางเข้าถึงและเข้าใจทั้งหมดได้ ทำได้เพียงแต่จำลองเหตุการณ์และความเปลี่ยนแปลงมาอธิบายเป็นสำคัญ


ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องของการเข้าถึงเหตุการณ์และเวลาที่เป็นจริง แต่กำหนดไม่ได้ เน้นเวลาที่เป็นจริง รวมทั้งเหตุการณ์ล้วนเป็นเรื่องสมมุติ ตำนานเป็นเรื่องของโลกทัศน์ ความรู้สึกนึกคิดและการอยู่ร่วมกันของคนกลุ่มหนึ่งให้พื้นที่หนึ่งหรือท้องถิ่นในช่วงเวลาหนึ่ง เป็นเรื่องที่คนภายในสร้างขึ้นเพื่ออธิบายการอยู่รวมกันของคนที่เป็นพวกเดียวกัน


ตำนานมีความสำคัญไปอีกอย่างหนึ่ง คือทำให้เข้าถึงและรู้จักคนในท้องถิ่น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงภายในตามเวลาที่ผ่านไป [Change through time] ดังนั้นตำนานจึงเป็นเรื่องราวในอดีตที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสมมุติที่คนสร้างขึ้นให้คนเชื่อและยึดมั่น ความเป็นคนกลุ่มเดียวกันในท้องถิ่นเดียวกันที่อยู่สืบทอดมาจนปัจจุบัน นับเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมที่เป็นประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต [Living history]


แต่การใช้ตำนานในหมู่นักวิชาการและคนไทยที่แล้วมาจนถึงปัจจุบันนี้ ยังมีความสับสนในบรรดาคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่าโดยเฉพาะนักประวัติศาสตร์ไทยสกุลดำรงราชานุภาพ ไม่แลเห็นความสำคัญของตำนาน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล มีความจริงนิดหน่อยยากแก่การนำมาวิจารณ์และอธิบาย ส่วนนักวิชาการรุ่นใหม่เปลี่ยนความหมายของตำนานเป็นมายาคติ ถือเป็นเรื่องไม่จริงที่กุขึ้นหรือคิดขึ้นเท่านั้นเอง


การศึกษาสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่นในรูปของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของพ่อข้าพเจ้า คือ อาจารย์มานิต วัลลิโภดม และข้าพเจ้าให้ความสำคัญของตำนานมาตลอด เพราะเห็นว่าตำนานไม่เป็นเรื่องไร้สาระที่หยุดนิ่งดังเช่นที่มีการรวบรวมและตีพิมพ์ไว้เป็นหลักฐาน ทำให้ตำนานที่ตีพิมพ์แต่ละเรื่องเป็นเรื่องพ้นสมัยและลอยจากกลุ่มชนพื้นที่ของท้องถิ่นและช่วงเวลา อีกทั้งทำให้มีผู้นำไปใช้แต่งเป็นนิทาน นิยายไปก็มาก


ข้าพเจ้าอ่านตำนานอยู่กับบ้านในระยะแรกยากที่จะเข้าใจ แต่พอออกไปยังท้องถิ่นและสถานที่ต่าง ๆ จึงเข้าใจ เพราะเรื่องราวของตำนานคือเรื่องของคนกับพื้นที่ เป็นความทรงจำร่วมกันถ่ายทอดเล่าขานจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งไม่หยุดนิ่งและตายตัว เพราะจะมีการปรุงแต่งแก้ไขเพิ่มเติมให้เข้ากับเวลา สถานที่ และกลุ่มชนอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการไปค้นหาว่าตำนานสมัยไหนเป็นของแท้จึงเป็นเรื่องไร้สาระ ตำนานเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา [Change through time] ที่เป็นสาระอย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมในท้องถิ่นที่เป็นประวัติศาสตร์มีชีวิต [Living history]


การศึกษาตำนานในบริบทของความทรงจำที่ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งถึงรุ่นหนึ่งของกลุ่มคนในท้องถิ่น จะสะท้อนให้แลเห็นการร่วมกันในความเป็นคนหรือมนุษย์ในชุมชนสองระดับคือ บ้านและเมือง บ้าน คือชุมชนทางชาติพันธุ์ที่ลงลึกไปยังความเป็นชาติพันธุ์ในระดับครอบครัวและตระกูลที่มีความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างกันอย่างเห็นหน้าค่าตา [Face to face relation] ส่วน เมือง คือชุมชนที่แสดงความสัมพันธ์ของผู้คนในหลาย ๆ บ้านขึ้นเป็นชุมชนทางชาติพันธุ์ที่อยู่ในพื้นที่หรือท้องถิ่นเดียวกัน เป็นชุมชนจินตนาการที่บูรณาการให้คนที่หลากหลายชาติพันธุ์เกิดสำนึกร่วมในการเป็นพวกเดียวกัน มีประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ขนบจารีตประเพณี และวัฒนธรรมร่วมท้องถิ่นหรือพื้นที่เดียวกัน


ท้องถิ่น คือมาตุภูมิที่คนหลายชาติพันธุ์มาอยู่รวมกันในลักษณะที่เล่าขานผสมผสานกัน สร้างภาษาถิ่นและสำเนียงถิ่นขึ้นแตกต่างไปจากถิ่นอื่น ๆ ความสำคัญเช่นนี้ทำให้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นคือประวัติศาสตร์สังคมหรือประวัติศาสตร์ภาคประชาสังคมที่แทบไม่ได้มีการเขียนขึ้นในบ้านเมืองมาก่อน จึงทำให้ประวัติศาสตร์กลายเป็นประวัติศาสตร์ภาครัฐ หรือประวัติศาสตร์แห่งชาติที่แลเห็นผู้คนทั้งหมดในบ้านเมืองเป็นพวกเดียวกัน เชื้อชาติเดียวกัน และทำอะไรต้องเหมือนกัน จนกลายเป็นตำนานอย่างตำนานที่ต้องการให้คน “เชื่อ” มากกว่า “คิด” และ “ถาม”


ซึ่งในที่สุดประวัติศาสตร์ชาติแบบนี้ก็คือเครื่องมือในการโฆษณาและมอมเมาผู้คนตามความคิดและนโยบายที่มีอำนาจของบ้านเมือง รวมทั้งนำไปสู่การเอารัดเอาเปรียบและความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความรุนแรงอย่างที่แลเห็นในขณะนี้ในสามจังหวัดภาคใต้


ดังนั้นถ้าหากจะมีการเขียนหรือสร้างประวัติศาสตร์ชาติขึ้นมาใหม่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจว่า ความเป็นชาติของคนไทยนั้นหาได้หมายถึงเชื้อชาติเดียวกัน แต่ชาติหมายถึงการเกิดในพื้นแผ่นดินเดียวกัน คือ ชาติภูมิ เป็นชุมชนจินตนาการที่มีการบูรณาการทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้ผู้คนที่หลากหลายในระดับมาตุภูมิหรือท้องถิ่นเกิดสำนึกร่วมในความเป็นพวกเดียวกันในนามของคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องสมมุติมากกว่าความเป็นจริงทางชาติพันธุ์


อีกทั้งการอยู่ร่วมกันของความเป็นชาตินั้นต้องยอมรับความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นจากคนระดับต่าง ๆ ในท้องถิ่น แต่ต้องทำให้แลเห็นว่าท่ามกลางความขัดแย้งทั้งหลายนั้น แต่ละกลุ่มเหล่าต้องพึ่งพิงซึ่งกันและกันจึงจะอยู่ร่วมกันเป็นชาติได้


ประวัติศาสตร์แห่งชาติจึงต้องมีทั้งประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมของส่วนรวมของประเทศ และประวัติศาสตร์สังคมในระดับท้องถิ่น


สุดท้ายความสำคัญของประวัติศาสตร์จะต้องให้เป็นเรื่องที่ไม่หาข้อยุติในลักษณะที่ต้องเชื่อ แต่ต้องเป็นเรื่องให้คนคิดและตั้งคำถาม อันเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดสติปัญญาแก่ผู้คนเป็นสำคัญ


ศรีศักร วัลลิโภดม


 

Comments


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page