เผยแพร่ครั้งแรก 1 ต.ค. 2554
‘ภาษีเจริญ’ เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของกรุงเทพมหานครตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาหรือฝั่งธนบุรี นับตั้งแต่เมื่อแรกมีคลองขุดภาษีเจริญในสมัยรัชกาลที่๔จนกระทั่งเป็นเขตหนึ่งของกรุงเทพฯ อย่างปัจจุบันภาษีเจริญเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงมากมายไม่ต่างไปจากพื้นที่อื่น ๆในฝั่งธนบุรีโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสังคมและวิถีชีวิตของผู้คนจากสังคมชาวสวนที่พึ่งพาอาศัยกันมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำมาสู่สังคมเมืองที่เต็มไปด้วยถนนหนทางตึกรามบ้านช่องแน่นขนัดเพื่อรองรับผู้คนจากต่างถิ่นที่หลั่งไหลเข้ามาและมีแนวโน้มว่าการเปลี่ยนแปลงจะยิ่งรุดหน้ารวดเร็วมากขึ้นในอนาคต

ภาพคลองภาษีเจริญตอนในทางฝั่งธนฯ สมัย ร. ๕ ยังเห็นบ้านเรือนหลังคาจากหนาแน่น
จากคลองขุดถึงเขตปกครอง
พื้นที่ ‘ภาษีเจริญ’ ในฐานะเขตการปกครองของกรุงเทพมหานครมีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ใกล้เคียงคือทิศเหนือติดต่อกับเขตตลิ่งชันทิศตะวันออกติดต่อกับเขตบางกอกใหญ่และเขตธนบุรีทิศใต้ติดต่อกับเขตจอมทองและเขตบางบอนทิศตะวันตกติดต่อกับเขตบางแคแบ่งพื้นที่การปกครองเป็น๗แขวงคือบางหว้าบางด้วนบางจากบางแวกคลองขวางปากคลองภาษีเจริญและคูหาสวรรค์การอธิบายภาพความเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ภาษีเจริญนั้นมิอาจจำกัดเพียงขอบเขตพื้นที่ที่แบ่งตามเขตการปกครองได้แต่ต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ทางวัฒนธรรมรวมถึงความสัมพันธ์กับพื้นที่โดยรอบที่สัมพันธ์ต่อการก่อร่างสร้างชุมชน
จุดเริ่มต้นของพัฒนาการย่านภาษีเจริญเริ่มตั้งแต่การขุดคลองภาษีเจริญในสมัยรัชกาลที่ ๔ ผู้ริเริ่มขุดคลองดังกล่าวคือพระภาษีสมบัติบริบูรณ์ (เจ๊สัวยิ้ม) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดเส้นทางใหม่ที่สะดวกต่อการขนส่งอ้อยและน้ำตาลจากแหล่งผลิตใหญ่ที่นครชัยศรีมายังกรุงเทพฯรัชกาลที่ ๔ จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระภาษีสมบัติบริบูรณ์เป็นแม่กองงานดำเนินการขุดคลองเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๑๐โดยเริ่มต้นจากวัดปากน้ำริมคลองบางกอกใหญ่ขุดออกไปทางทิศตะวันตกจรดแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลดอนไก่ดีแขวงเมืองสมุทรสาครซึ่งมีโรงหีบอ้อยของเจ๊สัวยิ้มตั้งอยู่
คลองภาษีเจริญจึงกลายเป็นเส้นทางสำคัญในการติดต่อค้าขายระหว่างชุมชนในแถบแม่น้ำท่าจีนกับกรุงเทพฯ ทั้งยังมีจุดเชื่อมต่อกับคลองที่มีชื่อคล้องจองกันคือคลองดำเนินสะดวกซึ่งเป็นคลองที่ขุดขึ้นในระยะเวลาไล่เลี่ยกับคลองภาษีเจริญคลองดำเนินสะดวกเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลบางยางกับแม่น้ำแม่กลองที่ตำบลบางนกแขวกทำให้ชาวบ้านสามารถแจวเรือจากกรุงเทพฯตรงไปยังสมุทรสงครามราชบุรีและกาญจนบุรีได้โดยสะดวก
ผู้คนจึงพากันย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานสองฝั่งคลองภาษีเจริญเมื่อเกิดการขยายตัวของชุมชนริมฝั่งคลองมากขึ้น ทางราชการจึงจัดตั้ง ‘อำเภอภาษีเจริญ’ ขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๔๒ มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดธนบุรีต่อมาทางราชการได้รวมจังหวัดพระนครกับจังหวัดธนบุรีเข้าด้วยกันเป็นจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรีและเปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ พร้อมกับได้ยุบการปกครองท้องถิ่นแบบสุขาภิบาลและเทศบาลรวมทั้งเปลี่ยนการเรียกชื่อตำบลและอำเภอใหม่อำเภอภาษีเจริญจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็นเขตภาษีเจริญสืบมาถึงปัจจุบัน
ทำนาทำสวนผักและทำสวนส้ม
ระยะแรกผู้คนที่บุกเบิกพื้นที่ริมฝั่งคลองเป็นที่อยู่อาศัยโดยมากจะทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักและมีการขุดคลองหลายสายเชื่อมต่อกับคลองภาษีเจริญไปยังพื้นที่เกษตรกรรมหรือเป็นเส้นทางลัดไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเช่นคลองราชมนตรีคลองบางหว้าเป็นต้นสมัยนั้นพื้นที่แถบภาษีเจริญและละแวกใกล้เคียงหนาแน่นไปด้วยพื้นที่สวนและท้องนาตลอดริมฝั่งคลองดารดาษไปด้วยสวนผักสวนผลไม้ประเภทต่าง ๆ เช่น ส้มเขียวหวานส้มโอหมากมะพร้าวฯลฯ ส่วนท้องนามีอยู่ทั่วไปตั้งแต่บางแคบางแวกบางไผ่หนองแขมบางบอนฯลฯ
“ตรงแถบคลองนี่เป็นสวนทั้งหมดปลูกส้มบางมดตั้งแต่นี่ไปถึงบางขุนเทียนบางมดส่วนสวนหมากสวนพลูสวนมะพร้าวแถบวัดอ่างแก้ววัดรางบัวตรงไปทางบางบอนก็สวนส้มแต่ทางบางแวกบางขี้แก้งบางไผ่เป็นท้องนาหมดบริเวณนี้จึงเป็นจุดนัดพบเอาของมาขาย” อาจารย์สุโชติดาวสุโขวัย 72 ปีซึ่งตั้งบ้านอยู่ริมคลองภาษีเจริญตั้งแต่รุ่นก๋งให้ภาพของสภาพพื้นที่ในอดีตกระจ่างมากขึ้น
ต่อมาเกิดตลาดท้องน้ำขนาดใหญ่ขึ้นคือตลาดน้ำบางแคหรือตลาดน้ำหน้าวัดนิมมานรดีเป็นจุดนัดพบของพ่อค้าแม่ค้าชาวสวนเพื่อมาแลกเปลี่ยนพืชผลต่าง ๆ ตลาดน้ำบางแคตั้งอยู่ในคลองราชมนตรีตรงจุดเชื่อมต่อกับคลองภาษีเจริญกินอาณาเขตตั้งแต่หน้าวัดนิมมานรดีเรื่อยไปจนถึงท่าเกษตรในปัจจุบันทุกวันจะคับคั่งไปด้วยเรือสินค้าจำพวกพืชผลต่างๆทั้งเรือพายขายผักและผลไม้ของชาวสวนในละแวกบางแคบางขี้แก้งบางแวกบางไผ่ฯลฯ ตลอดจนเรือจากต่างถิ่นก็มีมาเช่นเรือเอี้ยมจุ๊นบรรทุกใบตองกล้วยหัวปลีมะพร้าวพริกหัวหอมหัวกระเทียมแห้งฯลฯ มาจากบางช้างพ่วงต่อกันมาจากคลองดำเนินสะดวกเข้ามาตามคลองภาษีเจริญเรือจากแม่กลองและท่าจีนมีพวกกะปิน้ำปลาปูเค็มปลาเค็มมาขายพ่อค้าแม่ค้าจากอยุธยานครสวรรค์สุพรรณบุรีล่องเรือลงมาหาซื้อพวกมะพร้าวหมากไปขายต่อยังพื้นที่ตน
นอกจากตลาดในท้องน้ำแล้วริมคลองภาษีเจริญยังเป็นที่ตั้งของกิจการร้านค้าต่าง ๆ อย่างบริเวณตลาดน้ำบางแคทั้งริมฝั่งคลองภาษีเจริญและคลองราชมนตรีมีเรือนแถวขายของสารพัดอย่างตั้งอยู่หลายร้านส่วนใหญ่มีเจ้าของเป็นเถ้าแก่ชาวจีนส่วนกิจการอื่น ๆ ก็มีเช่นกิจการโรงสีข้าวโรงไม้โรงเชือดหมูเป็นต้นต่างก็อาศัยคลองภาษีเจริญเป็นเส้นทางขนส่งสำคัญสถานที่ราชการในระยะแรก ๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองเช่นกันดังเช่นที่ทำการอำเภอภาษีเจริญเดิมตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๔๒ ตัวอาคารตั้งอยู่ริมคลองตรงวัดรางบัวแขวงบางหว้าหรือสถานีตำรวจภาษีเจริญที่ตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๕๔ เดิมชื่อสถานีตำรวจอ่างแก้วเพราะตั้งอยู่ริมคลองใกล้กับวัดอ่างแก้วแขวงบางหว้าเป็นต้นนอกจากนี้ยังมีวัดที่สร้างขึ้นริมคลองหลังการขุดคลองภาษีเจริญแล้วหลายวัดส่วนใหญ่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔-๕ ที่สำคัญเช่นวัดอ่างแก้ววัดรางบัววัดนิมมานรดีวัดม่วงวัดหนองแขมเป็นต้น
คลองภาษีเจริญเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญเรื่อยมาจนกระทั่งเมื่อตัดถนนเพชรเกษมชีวิตที่เคยหันหน้าสู่ลำคลองจึงถูกแทนที่ด้วยความเจริญริมถนนถนนเพชรเกษมหรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข๔เริ่มต้นที่สะพานเนาวจำเนียร บางกอกใหญ่ ผ่านภาษีเจริญ บางแคหนองแขมแล้วผ่านลงไปยังจังหวัดภาคใต้ สร้างเสร็จเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๓ ระยะแรกถนนเพชรเกษมเป็นเพียงถนนลูกรังคนจึงย้ายไปอยู่ริมถนนเพชรเกษมไม่มากนักกระทั่งต่อมาเมื่อถนนราดยางรถราวิ่งได้โดยสะดวกผู้คนจึงพากันไปจับจองพื้นที่ริมถนนเพชรเกษมมากขึ้นตลาดน้ำบางแคเริ่มซบเซาลงเกิดตลาดสดแห่งใหม่ริมถนนเพชรเกษมคือตลาดทวีทรัพย์จนขยายเป็นตลาดสดที่ใหญ่โตคึกคักมาจนทุกวันนี้
“ก่อนเกิดตลาดทวีทรัพย์ข้างถนนเพชรเกษมมีบ่อหลาคนต่างเอาสินค้ามาขายที่บ่อหลามีเรือลอยขายคนเดินทางทางรถก็มาซื้อตลาดน้ำที่บางแคข้างทวีทรัพย์ก็เกิดขึ้นมาได้เพราะเพชรเกษมเจริญตลาดเรือจากบ่อหลาก็ขยายมาที่หน้าวัดนิมมานรดีมาเจริญมาก ๆ เมื่อเกิดตลาดใหม่บางแคและตลาดทวีทรัพย์ซึ่งถมบ่อหลามาสร้างตลาด” ผู้ใหญ่เดือนซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านและมีบ้านตั้งอยู่ริมคลองภาษีเจริญขยายความถึงพัฒนาการของตลาดในย่านนี้ให้ฟัง
ยุคถนนและโรงงาน
ในช่วงหลังพ.ศ.๒๕๐๐ ย่านนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วผู้คนเริ่มแออัดหนาแน่นมากขึ้นหลังแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๒๙) ควบคู่ไปกับแผนพัฒนากรุงเทพฯที่กระจายเขตอุตสาหกรรมออกไปยังชานเมืองทำให้พื้นที่รอบนอกอย่างภาษีเจริญบางแคหนองแขมราษฎร์บูรณะจอมทองบางขุนเทียนกลายเป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมที่ดินมีราคาค่างวดสูงขึ้นชาวนาชาวสวนจึงพากันตัดที่ดินขายส่งผลให้พื้นที่สวนและท้องนาลดลงอย่างรวดเร็ว คนจากต่างถิ่นก็เข้ามาแสวงหาหนทางทำกินจากโรงงานที่เปิดใหม่จำนวนมาก

เปรียบเทียบกับภาพปัจจุบันที่เดียวกัน สองฝั่งเป็นบ้านตึกไปหมดแล้ว
พื้นที่ภาษีเจริญจึงเต็มไปด้วยตึกแถวเรียงรายเต็มสองฟากถนน โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เกิดขึ้นจำนวนมากทั้งโรงงานย้อมผ้าทอผ้าเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปโรงเหล็กโรงกลึงโรงงานน้ำตาลฯลฯตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ แน่นขนัดไปด้วยตึกแถวห้องเช่าเพื่อรองรับผู้คนจากต่างถิ่นที่เดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พื้นที่สวนมีหลงเหลืออยู่ไม่มากนักเช่นสวนผักในแถบบางแวกบางขี้แก้งสวนผลไม้ในแถบบางหว้าเป็นต้น ส่วนคลองภาษีเจริญถูกลดความสำคัญลงกลายเป็นแหล่งรองรับน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านจัดสรรที่มีมากขึ้นริมฝั่งคลองประกอบกับปัญหาขยะมูลฝอยจำนวนมากที่ถูกทิ้งลงลำคลองส่งผลให้น้ำในคลองเริ่มเน่าเสียไม่เหลือภาพน้ำใสสะอาดอย่างที่คนรุ่นปู่ย่าตายายเล่าให้ฟังว่ามีกุ้งหอยปูปลาเหลือเฟือและน้ำก็สะอาดจนดื่มกินได้
“ค่อย ๆ เลิกทำสวนราวปี ๒๕๐๖-๒๕๐๘ มีการขายที่ทำโรงงานเพราะถนนผ่านสะดวกโรงงานแรก ๆ ตั้งริมถนนเพชรเกษมเป็นพวกโรงงานทอผ้าอย่างโรงงานแสงหิรัญโรงงานแสงฟ้าแล้วมีโรงงานถ่านไฟฉาย ๕ แพะโรงงานรองเท้านันยางพวกนี้เป็นโรงงานดั้งเดิมเลยต่อมาก็มีโรงงานทำหม้ออะลูมิเนียมโรงงานทำยากันยุงและโรงงานห้องแถวต่าง ๆ พวกตัดผ้าเย็บผ้าทำให้คนอพยพเข้ามาทำโรงงานมากขึ้นเลิกสวนมาปลูกบ้านเช่าแล้วต่อมาขยายเป็นอาคารพาณิชย์คนเข้ามาอยู่หนาแน่นราวปี ๒๕๑๖ เป็นต้นไป คนงานมีทั้งคนอีสานและคนภาคกลางจากสุพรรณฯ เมืองกาญจน์แล้วต่อมาโรงงานก็ขยายไปอ้อมน้อยอ้อมใหญ่ทำให้ตลาดบางแคคึกคักเพราะเสาร์อาทิตย์คนงานหยุดก็มาจับจ่ายดูหนังที่ตลาดบางแคจนเกิดศูนย์การค้าใหม่ ๆ ขึ้นก็พากันไปแหล่งใหม่” ป้าจำรัสซึ่งเกิดริมฝั่งคลองภาษีฯตั้งแต่หลังสงครามมหาเอเชียบูรพาบอกเล่าประสบการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตที่ได้ทำสวนส้มระยะหนึ่งก่อนจะเลิกไปมีชีวิตเป็นสาวโรงงานยุคแรก
การขยายถนนขนาดใหญ่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องเช่นถนนสายราชพฤกษ์เริ่มสร้างตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นเส้นทางเชื่อมกรุงเทพฯกับนนทบุรีโดยเริ่มต้นจากถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินแขวงบุคคโลเขตธนบุรีผ่านพื้นที่ดาวคะนองจอมทองตัดกับถนนเพชรเกษมที่แขวงปากคลองภาษีเจริญ เข้าสู่พื้นที่แขวงคูหาสวรรค์แขวงบางจากและบางแวกเขตภาษีเจริญต่อไปยังพื้นที่เขตตลิ่งชันก่อนเข้าเขตจังหวัดนนทบุรีถนนกัลปพฤกษ์เริ่มเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๓๗ เริ่มจากถนนราชพฤกษ์ที่ทางแยกต่างระดับสวนเลียบผ่านพื้นที่แขวงบางค้อเขตจอมทองแขวงบางหว้าเขตภาษีเจริญแขวงบางขุนเทียนเขตจอมทองและแขวงบางแคเขตบางแคก่อนตัดกับถนนบางแค จนบรรจบกับถนนกาญจนาภิเษกที่ทางแยกต่างระดับบางโคลัดระหว่างพื้นที่แขวงบางแคและแขวงหลักสองการสร้างถนนทั้งสองสายนี้ถึงแม้ว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้นจริงแต่ในทางกลับกันก็ต้องแลกมาด้วยการเวนคืนที่ดินจำนวนมากในหลายพื้นที่เช่นจอมทองภาษีเจริญตลิ่งชันที่มีพื้นที่สวนเก่าแก่หลงเหลืออยู่และสวนที่แปรเปลี่ยนมาอยู่ริมถนนเริ่มกลายสภาพเป็นหมู่บ้านจัดสรรเรียงรายไปตลอดแนวถนนราชพฤกษ์และกัลปพฤกษ์
ทุกวันนี้ภาษีเจริญยังคงรุดหน้าไปสู่สังคมเมืองมากขึ้นทุกวันโดยเฉพาะการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เชื่อมต่อหัวลำโพงถึงบางแคได้ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นทำเลทองแหล่งใหม่ถึงแม้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างแต่ก็ดึงให้กลุ่มนายทุนที่เห็นโอกาสเข้ามาแสวงหาผลกำไรมีการสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตึกคอนโดมิเนียมตามเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้จับจองตั้งแต่เริ่มสร้างเพื่อรองรับผู้คนที่จะหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นในอนาคต
นับแต่นี้ ‘ภาษีเจริญ’ คงไม่ต่างจากเขตเมืองอื่นๆในกรุงเทพมหานครที่เต็มไปด้วยผู้คนแออัดตึกระฟ้าและบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ได้มาพร้อมกับความล่มสลายของชุมชน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
Comments