top of page

ย่างก้าวต่อไปของพิพิธภัณฑ์จันเสน

อัปเดตเมื่อ 6 ก.พ. 2567

เผยแพร่ครั้งแรก 1 มิ.ย. 2542



อดีต


เมื่อก่อนนี้ชื่อของ "จันเสน" เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปว่าเป็นท้องถิ่นเล็ก ๆ ของอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มีความเจริญในฐานะที่เป็นชุมชนการค้าริมทางรถไฟ บนเส้นทางทางรถไฟซึ่งมุ่งตรงไปยังตัวจังหวัด ตลอดจนเป็นแหล่งผลิตข้าวเจ้าพันธุ์ดี "พันธุ์ข้าวตาแห้ง" นอกจากนี้แล้ว หลวงพ่อโอดแห่งวัดจันเสนยังมีชื่อเสียงด้านวัตถุมงคลและความเมตตากรุณา เป็นที่เคารพรักและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนอย่างเหนียวแน่น ทว่าต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้มีการขุดคลองชลประทานอนุศาสนันท์พร้อมถนนเลียงคลองเชื่อมต่อระหว่างช่องแค-ตาคลี บ้านหมี่-ลพบุรีได้ทำให้เส้นทางคมนาคมหลักเปลี่ยนจากทางรถไฟเป็นถนนลาดยาง ส่งผลให้ชุมชนริมทางรถไฟที่เคยคึกคักค่อย ๆ โรยร้าง โรงสีและร้านค้าต่าง ๆ ทยอยกันปิดกิจการลง จนในที่สุดชุมชนจันเสนได้ตายลงอย่างเงียบ ๆ


อย่างไรก็ตาม การศึกษาค้นคว้าภาพถ่ายทางอากาศบริเวณตำบลจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ โดยอาจารย์นิจ หิญธีระนันท์ ได้ทำให้จันเสนได้รับความสนใจอีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นการเปิดทัศนะในการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีของท้องถิ่นแห่งนี้ขึ้นมาว่า เป็นเมืองในสมัยทวารวดีที่พัฒนาขึ้นมาจากชุมชนสมัยโลหะตอนปลาย มีการติดต่อกับต่างถิ่นใกล้ไกลและต่างถิ่นโพ้นทะเล เช่น เมืองอู่ทอง, ฟูนัน, อินเดีย เป็นต้น


หลักฐานจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่จันเสน ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๑๒ พบโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก เช่น ภาชนะดินเผา ลูกปัด เครื่องมือเหล็ก ตราประทับ รูปเคารพเนื่องในศาสนา ฯลฯ ได้ทำให้ชุมชนแห่งนี้น่าสนใจขึ้นมาในระยะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็เข้าสู่สภาวะเงียบงันเช่นเดิม


แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นที่นี่ กลับเป็นแรงบันดาลใจให้หลวงพ่อโอดเจ้าอาวาสวัดจันเสนในขณะนั้นตระหนักถึงความสำคัญของท้องถิ่น คิดฟื้นฟูจันเสนให้มีความรุ่งเรืองทั้งทางด้านศาสนา วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ในการนี้หลวงพ่อโอดดำริให้สร้างอาคารมณฑปเพื่อประดิษฐานปูชนียวัตถุ และใช้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงความเป็นมาของชุมชนไปในตัว ทว่าน่าเสียดายหลวงพ่อไม่ทันเห็นอาคารมณฑปที่เสร็จสมบูรณ์เนื่องจากมรณภาพลงในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ หลวงพ่อเจริญเจ้าอาวาสรูปต่อมาได้สืบทอดเจตนารมณ์หลวงพ่อโอด ด้วยการขอความร่วมมือจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ จนทำให้อาคารพิพิธภัณฑ์จันเสนและข้อมูลการจัดแสดงภายในเสร็จสมบูรณ์ในราวปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๘



ปัจจุบัน


เมื่ออาคารมณฑปและข้อมูลการจัดแสดงเสร็จสมบูรณ์ ทางวัดจันเสนได้ริเริ่มโครงการพัฒนาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่ออาสาสมัครเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ (ส่วนใหญ่เป็นครูในท้องถิ่น) การอบรมให้นักเรียนในพื้นทีตำบลจันเสนเป็นยุวมัคคุเทศก์ประจำพิพิธภัณฑ์ ส่งเสริมการทอผ้า การผลิตของที่ระลึกและงานหัตถกรรมโดยการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้าน จัดทัศนศึกษาเพื่อดูงานเกี่ยวกับการจัดการพิพิธภัณฑ์ในภูมิภาคต่างๆ งานลอยกระทงประจำปี งานรำลึกอดีต "รถไฟไทยเส้นทางประสานอดีตปัจจุบัน" ตลอดจนการตั้งกลุ่ม "เรารักษ์จันเสน" เพื่อให้ชาวบ้านทุกเพศทุกวัยมีส่วนร่วมในกิจกรรมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ฯลฯ


โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ดังกล่าวซึ่งทางวัดหรือพิพิธภัณฑ์ได้จัดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น พบว่าเป็นไปด้วยดีเพราะคนในท้องถิ่นเห็นความสำคัญของการรวมตัวและให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างดียิ่ง บุคคลภายนอกจากภูมิภาคต่าง ๆ (รวมทั้งชาวต่างชาติ) มักจะแวะเวียนกันเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมของชุมชนอย่างไม่ขาดสาย สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าจากชุมชนเล็ก ๆ ที่ตายแล้วกลับพลิกฟื้นขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมประเพณี การรวมตัวกันของคนในชุมชน การกระจายรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจ และความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง อย่างไรก็ตามกระบวนการทำงานของพิพิธภัณฑ์จันเสนใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไปเนื่องจากพบว่ามีปัญหาบางประการ



ปัญหา


เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๒ พิพิธภัณฑ์จันเสน ได้ร่วมกับมูลนิธิประไพ วิริยะพันธุ์ จัดกิจกรรมฝึกอบรมอาจารย์และนักเรียนในพื้นที่เพื่อเป็นมัคคุเทศก์ในการนำชมพิพิธภัณฑ์ ในส่วนของคณะกรรมการพิพิธภัณฑ์ฯ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดในการทำงาน และนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญๆ ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างให้แก่พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นแห่งอื่น ๆ ได้ตระหนักและนำไปรับใช้ในการดำเนินงานพิพิธภัณฑ์ ดังต่อไปนี้


• การประชาสัมพันธ์กิจกรรมของวัดและพิพิธภัณฑ์ แพร่กระจายออกไปตามสื่อต่าง ๆ น้อยเกินควร ไม่ว่าจะเป็นสื่อภายในท้องถิ่นหรือสื่อจากภายนอก


• อาสาสมัครใหม่ซึ่งเข้ามาฝึกอบรมเป็นมัคคุเทศก์ ยังไม่ค่อยมั่นใจในการนำชมเท่าใดนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นความรู้ทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี บางท่านก็ไม่ได้เรียนทางด้านนี้มา


• มีความล่าช้าในการดำเนินงาน เนื่องจากในครั้งก่อน ๆ นั้น เมื่อพิพิธภัณฑ์จะจัดกิจกรรมใดก็ตาม ต้องให้กรรมการทุกคนเข้าร่วมประชุม และตัดสินใจ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดอุปสรรคสำคัญ คือ กว่าที่ประชุมจะสรุปจุดยืนหรือประเด็นของกิจกรรมนั้น เสียเวลานานมาก


• ปัญหาเรื่องการประสานงาน ส่วนหนึ่งมาจากการที่คณะกรรมการส่วนใหญ่ซึ่งเป็นอาจารย์จากโรงเรียนต่าง ๆ กัน มีเวลาว่างไม่ค่อยตรงกัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความไม่ชัดเจนของขั้นตอนการปฏิบัติงานและกิจกรรมว่าหน้าที่ของตนนั้นจะต้องทำอย่างไรรับผิดชอบในจุดไหนบ้าง นอกจากนี้คณะกรรมการในส่วนของการนำชมพิพิธภัณฑ์ติดภารกิจในการสอนนักเรียน นักศึกษา บางครั้งไม่สามารถปลีกเวลามาได้ ฯลฯ



อย่างไรก็ดี ทางคณะกรรมการพิพิธภัณฑ์เชื่อว่าปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถแก้ไขได้ ตัวอย่างเช่น เรื่องการประชาสัมพันธ์ไปตามสื่อต่าง ๆ ก็ควรเลือกสื่อที่มีคุณภาพในการแพร่ข่าวสารออกไปในวงกว้าง เรื่องความล่าช้าในการดำเนินงานของแต่ละส่วนงานเพื่อประชุมรับรู้นโยบาย ซึ่งสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับงานในขอบเขตของตนได้ จากนั้นหัวหน้างานก็มอบหมายงานให้กลุ่มของตนไปปฏิบัติอีกทีหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเพิ่มความฉับไวในการทำงาน รวมทั้งลดขั้นตอนหรือรูปแบบที่ไม่จำเป็นบางอย่างออกไป สำหรับปัญหาในการประสานงานอาจจะใช้วิธีประชุมย่อยตามโอกาสที่เหมาะสม เพื่อแจกแจงรายละเอียดและข้อสงสัยในการทำงาน ฯลฯ


สำหรับมุมมองของมูลนิธิประไพ วิริยะพันธุ์ ที่มีต่อการทำงานของพิพิธภัณฑ์จันเสนนั้น พบว่า ในบางจุดสามารถเติมช่องว่างให้เต็มขึ้นมาได้ เช่น ควรจะมีการจัดพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับข้อมูลในท้องถิ่นเป็นเอกสารเผยแพร่หรือจำหน่าย อาทิรายละเอียดประวัติของหลวงพ่อโอด การทำขนมจีน การตีเหล็กของชาวจันเสน นิทานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญ ๆ ของท้องถิ่น หรือเรื่องราวการพบแหล่งโบราณคดีที่เป็นหลุมฝังศพบริเวณวัดกกกว้าวซึ่งอยู่เหนือจันเสนราว ๒ กิโลเมตร เมื่อไม่นานมานี้ ฯลฯ รวมถึงการออกจดหมายข่าวเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของท้องถิ่นจันเสน


นอกจากนี้ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ควรจะมีการหมุนเวียนโบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกให้หลายกหลายโดยผสมผสานเรื่องการตลาด ประโยชน์ใช้สอยและความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น การจัดสร้างห้องสมุดประจำพิพิธภัณฑ์ ซึ่งต้องประสานงานกับสื่อหรือองค์กรต่าง ๆ เป็นต้น


แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ควรวางแผนงานประจำปี (โดยอาจใช้เกณฑ์จากประเพณีสิบสองเดือน) ทั้งนี้เพื่อให้มีกิจกรรมตามแต่ละช่วงเวลา ดึงดูดให้กลุ่มบุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาเยี่ยมชมและยังช่วยทำให้ทราบว่าในแต่ละเดือน ควรจะใช้งบประมาณในการทำกิจกรรมเท่าไร และควรจะมีการประสานงาน การเตรียมงานล่วงหน้าอย่างไร



อนาคต


หวังไว้ว่า พิพิธภัณฑ์จันเสนคงไม่หยุดความเคลื่อนไหวของกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นและบุคคลภายนอก (อย่ากลายสภาพเป็นฟอสซิลเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ในส่วนราชการ) ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพยายามอย่างต่อเนื่อง ความตั้งใจจริงในการทำงานเพราะผู้ที่ทำงานหนักย่อมได้รับผลตอบแทนที่มีคุณค่าเสมอ


 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:


Comments


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page