top of page

รู้น้อยรู้มาก: เรื่องพระธาตุศรีสองรัก

ศรีศักร วัลลิโภดม

อัปเดตเมื่อ 9 ก.พ. 2567

เผยแพร่ครั้งแรก 1 ก.ย. 2547


เมื่อสมัยที่คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ยังมีชีวิตอยู่ มักพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่า กลัวคนที่รู้อะไรน้อย แต่ทำเป็นรู้มาก เพราะอาจทำอะไรให้เสียหายได้มากกว่า คนที่ไม่รู้แต่บอกว่ารู้ บ้านเมืองไทยที่วุ่นวายในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในทุกวันนี้ ก็เนื่องมาจากคนที่รู้น้อยแล้วทำตัวว่ารู้มากนี่แหละ


พระธาตุศรีสองรัก สัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองด่านซ้าย


ขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังเป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้นในเรื่องที่เกี่ยวกับพระธาตุศรีสองรัก เหตุที่รู้น้อยก็เพราะมีความทรนงว่า เรื่องของพระมหาธาตุเจดีย์ในสยามประเทศนั้น ตัวเป็นคนที่รู้ดีผู้หนึ่ง เลยทำให้เกิดความเข้าใจว่า พระธาตุศรีสองรักนั้นก็เหมือนพระมหาธาตุเจดีย์องค์อื่น ๆ อันเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ไทยและลาวแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาทรงสร้างขึ้นเพื่อแสดงความเป็นไมตรีต่อกันในพื้นที่อันเป็นเขตชนแดนระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต พระธาตุเจดีย์ศรีสองรักจึงนับเป็นวัดในพุทธศาสนาตลอดมา


วัดพระธาตุศรีสองรักไม่เหมือนวัดมหาธาตุตามเมืองสำคัญ ๆ หรือวัดที่มีพระบรมธาตุเจดีย์อื่น ๆ ในทุกวันนี้ที่ล้วนเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่ โดยมีเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสอยู่ในบริเวณวัดเดียวกัน หากเป็นวัดที่มีแต่เพียงพุทธาวาสจึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา


วัดประเภทนี้เป็นวัดแบบโบราณที่พบทั้งในเมืองและนอกเมือง อย่างเช่นวัดมหาธาตุของพระนครศรีอยุธยา วัดมหาธาตุของเมืองสุโขทัยและกำแพงเพชรนั้น ล้วนแต่ไม่มีร่องรอยว่ามีพระอยู่ทั้งสิ้น หรือที่โดดเด่นที่พระมหาธาตุนครศรีธรรมราช และพระมหาธาตุหริภุญชัยที่ลำพูนนั้น มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าไม่มีพระสงฆ์อยู่ แต่จะมีคณะสงฆ์สี่คณะที่อยู่ห่างออกไปเฝ้าดูแล หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ วัดที่เป็นส่วนสังฆาวาสนั้นอยู่แยกออกไปต่างหาก


ปัจจุบันประเพณีที่วัดพุทธาวาสแยกกันอยู่ตามลำพังยังมีอยู่มากมายในประเทศพม่า ถ้าใครไปจะเห็นได้ว่า พม่าเต็มไปด้วยพระเจดีย์นับหมื่น ๆ องค์ ซึ่งก็ล้วนเป็นวัดแบบพุทธาวาสทั้งสิ้นโดยไม่มีพระสงฆ์อยู่


เมื่อแรกรู้จักพระธาตุศรีสองรักนั้น ข้าพเจ้าเหมาเอาว่าเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่มีการบรรจุพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นพุทธาวาสที่ไม่มีพระสงฆ์อยู่ แต่วัดสังฆาวาสที่ดูแลพระมหาธาตุเจดีย์นั้นอยู่ที่วัดโพนชัยที่อยู่ห่างพระธาตุเจดีย์ออกมา ก็เท่ากับวัดโพนชัยคือคณะสงฆ์ที่รักษาพระบรมธาตุนั้นเอง


แต่สิ่งที่ปฏิบัติกันอยู่ในสังคมของคนด่านซ้ายในทุกวันนี้ วัดโพนชัยและคณะสงฆ์ดูไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับวัดพระธาตุศรีสองรักเท่าใด ในทำนองตรงข้ามวัดพระธาตุศรีสองรักกลับอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าพ่อกวนเจ้า แม่นางเทียม พ่อแสน และนางแต่ง ในลัทธิประเพณีผีบ้านและผีเมืองมากกว่า ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า มีศาลาของเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียมอยู่ในเขตวัด และมีพ่อแสนทำหน้าที่เป็นคนดูแล อีกทั้งพระธาตุเจดีย์ก็มีความสัมพันธ์กับกับหอผีใหญ่ประจำเมืองสองแห่ง คือ หอน้อยและหอหลวง คนที่มาจากภายนอกหารู้และเข้าใจในเรื่องความสำคัญของเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียมตลอดจนประเพณีพิธีกรรมในการถือผีกับพระธาตุศรีสองรักไม่ มักเข้าไปกราบไหว้พระธาตุเจดีย์และทำบุญเสี่ยงทายกันแบบที่ทำกับวัดอื่น ๆ ในทุกวันนี้


ภายใต้การจัดการของเจ้าพ่อกวนและพ่อแสนนางเทียม วัดพระธาตุศรีสองรักกำหนดให้ทุกคนที่ขึ้นไปต้องระมัดระวังในเรื่องเขตศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอะไรรุงรังในเรื่องการขอบริจาคแจกวัตถุมงคลและการโฆษณาไหว้ไหว้พระปิดทองรดน้ำมนต์กันแบบวัดเป็นจำนวนมากในทุกวันนี้ ผู้ที่มาประกอบพิธีแก้บนและถวายของอะไรต่าง ๆ นั้นจะทำอะไรตามลำพังไม่ได้ ต้องผ่านการดูแลและการจัดการอย่างมีระบบและถูกประเพณีโดยเจ้าพ่อกวนและพ่อแสนทั้งสิ้น ข้าพเจ้าไม่แปลกใจอะไรในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อในเรื่องความเชื่อในเรื่องพุทธและผีที่อยู่ร่วมกัน เพราะที่ไหน ๆ ก็เป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะที่พม่าก็เช่นกัน เพราะผีได้ถูกนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ร่มเงาของพุทธศาสนาเสมอ


แต่ความโดดเด่นของคนด่านซ้ายและพระธาตุศรีสองรักนี้ก็คือทางฝ่ายความเชื่อในเรื่องผีเข้ามามีบทบาทในการจัดการในพุทธาวาสมากกว่าทางพระสงฆ์ ซึ่งก็เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าสนใจใคร่รู้และใคร่ถาม ทำให้แลเห็นโครงสร้างทั้งกายภาพและพฤติกรรมในเรื่องประเพณีและศาสนาของคนด่านซ้ายที่มีความแตกต่างไปจากความเป็นอยู่ในชีวิตวัฒนธรรมของผู้คนในท้องถิ่นอื่น ๆ


คนด่านซ้ายแม้ว่าจะแก่ผีแต่ก็ไม่ทิ้งพุทธ ทั้งผีและพุทธอยู่ร่วมกันได้อย่างมีกาละเทศะที่สามารถสร้างความมั่นคงทั้งด้านจิตใจและสังคมให้แก่คนด่านซ้าย คนด่านซ้ายคือคนที่เคลื่อนย้ายมาจากถิ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะจากทางหลวงพระบาง มาตามลำน้ำโขงแล้วขึ้นมาตามลำน้ำเหืองที่เป็นสาขา แล้วเข้ามาตั้งถิ่นฐานตามสองฝั่งลำน้ำหมันอันเป็นต้นน้ำสายหนึ่งของลำน้ำเหือง สองฝั่งลำน้ำหมันเป็นที่ราบที่มีเทือกเขาขนาบทั้งสองด้าน ต้นน้ำหมันมาจากเทือกเขาที่มีสันปันน้ำระหว่างลำน้ำป่าสัก ลำน้ำแควน้อย และลำน้ำหมัน คนโบราณให้ความศักดิ์สิทธิ์แก่บริเวณต้นน้ำเป็นอย่างยิ่ง จึงได้กำหนดเอาเขาดินลูกหนึ่งที่อยู่ในบริเวณต้นน้ำหมันและมีลำน้ำหมันไหลโอบล้อมให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บริเวณนี้คือที่ตั้งของพระธาตุศรีสองรักได้ถูกกำหนดเป็นอนุสรณ์สถานในพระราชพิธีเจริญไมตรีระหว่างอยุธยาและล้านช้างในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๒


นอกจากเป็นตำแหน่งที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว บริเวณต้นน้ำหมันในตอนนี้ยังเป็นศูนย์กลางของเส้นทางคมนาคมที่ติดต่อระหว่างหลวงพระบาง นครไทย พิษณุโลก และเมืองอื่น ๆ ในเขตแคว้นสุโขทัย บ้านเมืองทางเพชรบูรณ์ในลุ่มน้ำป่าสัก รวมไปถึงบ้านเมืองทางลุ่มน้ำโขง เช่น ที่ผ่านอำเภอวังสะพุงไปยังอุดรธานีและขอนแก่น ในภาคอีสานเป็นต้น ความสำคัญของการเป็นศูนย์กลางเส้นทางคมนาคมดังกล่าว จึงได้ทำให้บริเวณต้นน้ำหมันแห่งนี้ กลายเป็นเมืองด่านและศูนย์กลางของบรรดาชุมชนบ้านและเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่สองฝั่งน้ำหมันแต่ต้นน้ำไปจนสบกับลำน้ำเหืองในเขตแดนประเทศลาวปัจจุบัน


ลำน้ำหมันเป็นหุบเขาเล็ก ๆ ที่เป็นตัวอย่างของกระบวนการสร้างบ้านแปงเมืองในอดีต คือ ผู้คนจากถิ่นต่าง ๆ เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนบ้านตามสองฝั่งน้ำก่อน แล้วเมื่อมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ สังคม กันดีแล้ว จึงเกิดชุมชนเมืองที่เป็นศูนย์กลางขึ้นมา คือ เมืองด่านซ้าย ปัจจุบันมีชุมชนที่ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำเดียวกันถึง ๗ แห่ง แต่ละแห่งมีความสัมพันธ์กันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม จนทำให้คนในแต่ละชุมชนรู้จักกันหมด อีกทั้งมีสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ร่วมกัน เช่น แต่ละชุมชนทั้งในระดับบ้านและเมืองต่างก็มีทั้งวัดและหอผีเหมือนกัน โดยแต่ละชุมชนจะมีผู้นำทางความเชื่อและพิธีกรรมที่เรียกว่า พ่อกวน และคณะที่รวมตัวกันเป็นทั้งองค์กรและสถาบันดูแลในเรื่องความเชื่อและประเพณีพิธีกรรม โดยเฉพาะที่ด่านซ้ายที่เป็นเมืองนั้น พ่อกวนถูกยกขึ้นเป็นเจ้าพ่อที่มีผู้คนเคารพกราบไหว้และเชื่อฟัง ดูเหมือนจะมีบารมีมากกว่าหัวหน้าฝ่ายทางราชการ เช่น นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และแม้แต่ขุนนางสงฆ์ในวัดต่าง ๆ บรรดาประเพณีพิธีกรรมของผู้คนในทุกชุมชนในท้องถิ่นด่านซ้ายหรืออีกนัยหนึ่งลุ่มน้ำหมันนั้นมีทั้งพุทธและผีไปด้วยกัน โดยเฉพาะที่พระธาตุศรีสองรัก การจัดการและอำนาจในการดูแลสถานที่ในประเพณีและความเชื่อของผู้คนท้องถิ่นอยู่ที่เจ้าพ่อกวนที่มีหน้าที่ดูแลทั้งพิธีกรรมที่เกี่ยวกับพุทธและผี


สำหรับคนท้องถิ่นที่เป็นชาวด่านซ้ายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียง พระธาตุศรีสองรัก คือแหล่งที่คนมากราบไหว้และทำพิธีแก้บนที่ต้องผ่านการจัดการของเจ้าพ่อกวนและคณะทั้งเรื่องของพุทธและผี ถ้าเป็นพุทธก็จะจัดให้มีการทำต้นผึ้งไปถวายพระธาตุ โดยมีพ่อแสนนำไปตั้งไว้ในบริเวณรอบพระเจดีย์ แต่ถ้าเป็นเรื่องของผีก็จะทำการฆ่าควาย ฆ่าหมู และเครื่องสุราบานไปทำประกอบพิธีกรรมให้ จึงเป็นเหตุให้บริเวณพระธาตุศรีสองรักเป็นพื้นที่มีระเบียบแบบแผน ในยามที่ผู้คนไปไหว้ก็ไม่พลุกพล่านเหมือนวัดอื่น ๆ ที่มีการตกแต่งจนเกินธรรมชาติที่ระคนไปด้วยคนหลายหลุ่มเข้าไปขายดอกไม้ธูปเทียนทอง โฆษณาวัตถุมงคลและเรี่ยไรเงินทองเพื่อสินค้าบุญกันต่าง ๆ นานา


เรื่องของการไหว้พระธาตุศรีสองรักนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเคยเข้าใจผิดอันเนื่องมาจากการรู้น้อยรู้มากของตนเอง คือเชื่อว่าพระธาตุองค์นี้คือพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุพระพุทธเจ้า เพราะการสร้างพระธาตุเจดีย์โดยพระมหากษัตริย์อย่างที่มีพงศาวดารและจารึกระบุไว้นั้น น่าจะมีการบรรจุพระบรมธาตุไว้ด้วย จำได้ว่าเมื่อครั้งได้สัมภาษณ์เจ้าพ่อกวนนั้น ท่านบอกว่าพระธาตุศรีสองรักไม่มีพระบรมธาตุจึงไม่ควรเรียกพระบรมธาตุเจดีย์ แต่ข้าพเจ้าไม่ใส่ใจเพราะไปคิดถึงประเพณีจากความเป็นจริงในที่อื่น หาได้ให้ความสำคัญในเรื่องความเชื่อและประเพณีพิธีกรรมของผู้คนในท้องถิ่นไม่


จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีข่าวความขัดแย้งเกิดขึ้นในเรื่องพระธาตุองค์นี้ คือมีผู้กล่าวหาว่า บริเวณพระธาตุศรีสองรักษ์ถูกยึดครองโดยกลุ่มผลประโยชน์ที่มีเจ้าพ่อกวนเป็นหัวหน้า มีการนำเอารายได้จากคนมาทำบุญไปใช้ในทางที่ผิด อีกทั้งทำให้พื้นที่ซึ่งเป็นพุทธสถานมัวหมองไปด้วยความเชื่อถือผีที่ผิด ๆ โดยเฉพาะระบุว่าแต่ก่อนเคยเป็นที่มีพระสงฆ์อยู่ จึงควรที่ทางคณะชุมชนสงฆ์และทางราชการได้เข้าไปตรวจสอบและจัดระเบียบเสียใหม่ แต่ความขัดแย้งที่ว่านี้ ผู้นำและคนในท้องถิ่นด่นซ้ายพากันราวมตัวออกมาโต้แย้งและให้การสนับสนุนเจ้าพ่อกวน โดยยืนยันว่าเจ้าพ่อกวนและองค์กรเป็นผู้ที่ดูแลพระธาตุมาแต่โบราณ เป็นประเพณีที่จะไปเพิกถอนไม่ได้ ถ้าหากทางราชการและขุนนางสงฆ์ไปทำขึ้น อาจทำให้เกิดสิ่งอัปมงคลแก่คนด่านซ้ายได้


ข้อขัดแย้งดังกล่าวนี้เลยทำให้ข้าพเจ้าได้สติว่า จะต้องมองอย่างไรจึงจะเหมาะสม เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจากความเข้าใจในเรื่องความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน คือ ฝ่ายหนึ่งที่เป็นทางราชการขุนนางสงฆ์และบุคคลจากภายนอก มักมองพุทธศาสนาไปในทางความถูกต้องทางปรัชญาที่เป็นเรื่องของขาวและดำ ซึ่งเป็นเรื่องอุดมคติที่เป็นภาพนิ่ง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งคือผู้คนในท้องถิ่นที่ส่สวนใหญ่จะไม่มานั่งคิดหรือแยกแยะว่าอะไรเป็นเรื่องจริงทางวิทยาศาสตร์หรืออะไรเป็นปรัชญา ที่แยกออกได้เป็นขาวและดำ แต่พวกนี้มีศาสนาและความเชื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต โดยแสดงออกให้เห็นในการประกอบประเพณีพิธีกรรม ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้นและทำเช่นนั้น เพราะฉะนั้น ความเชื่อทางศาสนาจึงเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่งอีกทั้งไม่เป็นขาวดำชนิดที่อะไรคือพุทธอะไรคือผี แต่จะมีการปรับเปลี่ยนไปตามกาละและเทศะที่สัมพันธ์กับผู้คนในท้องถิ่นตลอดเวลา


นับเป็นเรื่องของศาสนาและความเชื่อที่สัมพันธ์กับบริบททางสังคมโดยแท้ ข้าพเจ้าได้รับการศึกษาอบรมมาในวิชามานุษยวิทยาที่เน้นความสำคัญของศาสนากับสังคมมากกว่าการมองศาสนาลักษณะที่เป็นปรัชญาซึ่งหยุดนิ่ง แต่ถ้ามองศาสนากับสังคมก็จะแลเห็นคนและความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงทำให้เกิดความเข้าใจชีวิตวัฒนธรรมของผู้คนเหล่านั้นได้ดี และแลเห็นว่าคนเหล่านั้นแตกต่างกับคนในกลุ่มของเราอย่างไร รวมทั้งทำให้เกิดความเข้าใจว่า ทำไมคนแต่ละกลุ่มจึงแตกต่างกัน ความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาในวิชานี้จึงเท่ากับเตือนสติให้ข้าพเจ้าต้องหยุดมองและหยุดคิดในเรื่องการหาข้อเท็จจริงว่ามีพระบรมธาตุในพระธาตุศรีสองรักหรือเปล่า ต้องกลับหันมาจำนนต่อความเชื่อและการปฏิบัติของคนด่านซ้ายในด้านประเพณีพิธีกรรมที่มีทั้งพุทธและผีร่วมกัน เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้คนด่านซ้ายดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันมาอย่างราบรื่นเป็นเวลาหลายร้อยปี อาจพูดได้ว่านับแต่มีการสร้างพระธาตุขึ้นมาก็ว่าได้


ในทุกวันนี้ คนด่านซ้ายกำลังเผชิญภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจสังคมที่มีผลมาจากวิธีคิดของคนที่อยู่นอกสังคมด่านซ้ายที่ล้วนมองระบบศาสนา ความเชื่อ และประเพณีพิธีกรรมของคนด่านซ้ายว่าไม่ดีงามและล้าหลัง


คนจากภายนอกดังกล่าวนี้ อาจจำแนกได้เป็นสองประเภท ประเภทแรกคือ พวกขุนนางพ่อค้า และประเภทหลังคือขุนนางพระ คนทั้งสองประเภทนี้อยู่ในโครงสร้างทางอำนาจของรัฐที่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่นได้ทั่วทั้งประเทศ มักอ้างอำนาจรัฐความเป็นคนไทยและความถูกต้องทางพุทธศาสนาไปปรับเปลี่ยนอะไรต่ออะไรในท้องถิ่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเห็นได้อย่างต่อเนื่องในกรณีพระธาตุศรีสองรักและสังคมด่านซ้าย เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมในที่นี้ จะยกเรื่องงานประเพณีผีตาโขน ที่มีงานให้นักท่องเที่ยวแห่กันไปดูได้ทุกปีมาวิเคราะห์และวิพากษ์ไว้ ณ ที่นี้


ประเพณีแห่ผีตาโขนคือสิ่งที่คนนอกสังคมชาวด่านซ้ายรับรู้จากการโฆษณาทางทีวี หนังสือ และสื่อโดยทั่วไปที่ผลักดัน ททท. และขุนนางข้าราชการของรัฐประจำจังหวัด ทำให้มีความอยากที่จะไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นเหตุให้เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจ ภาพพจน์ของผีตาโขนจึงกลายเป็นประเพณีสนุกสนานที่แปลก ๆ น่าทึ่ง น่าสนใจแก่คนทั่วไป แต่ถ้าหากไปสัมผัสกับคนด่านซ้ายซึ่งเป็นคนภายในท้องถิ่นเอง ว่าเขาเห็นเป็นเช่นนี้หรือไม่ ก็จะได้คำตอบว่า การเล่นผีตาโขนนั้น หาได้เป็นทั้งหมดของประเพณีและพิธีกรรมในระบบความเชื่อท้องถิ่นไม่ ประเพณีผีตาโขนเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมและงานเทศกาลทางพระพุทธศาสนา คือ ประเพณีเทศน์มหาชาติหรือที่เรียกโดยชาวบ้านชาวเมืองทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า บุญพระเวส เป็นประเพณีที่กระตุ้นให้คนที่นับถือพุทธศาสนานึกถึงการให้ทาน อันเป็นธรรมะที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนของมนุษย์ การเทศน์มหาชาติของคนด่านซ้ายก็เหมือนกันกับที่อื่น ๆ ที่เป็นสิ่งระคนไประหว่างการอบรมคุณธรรมทางศาสนากับการสนุกสนานรื่นเริงตามฤดูกาลที่กำหนด การเล่นผีตาโขนคือสิ่งหนึ่งในประเพณีบุญพระเวสที่อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่คนด่านซ้ายคิดขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน โดยมีคำอธิบายว่า ผีตาโขน คือบรรดาผีป่าผีร้ายทั้งหลาย ที่ทิ้งความชั่วร้ายมานับถือพุทธศาสนาและตามพระเวสสันดรมายังนครสีพี


งานบุญพระเวสที่ด่านซ้ายโดยประเพณีเริ่มจากกการเชิญพระอุปคุตซึ่งเป็นก้อนหินสมมติก้อนหนึ่งในลำน้ำหมัน โดยพ่อแสนที่เป็นคนของเจ้าพ่อกวน ต่อจากนั้นทั้งเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียมและบริวารรวมทั้งผู้คนทุกเพศทุกวัยในด่านซ้ายก็จะพากันแห่พระอุปคุตเป็นขบวนที่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเด็กผู้ชายจะสวมหน้ากากผีตาโขนร่วมไปด้วยพร้อมกันนั้นก็มีการละเล่นแสดงอวัยวะสืบพันธุ์อันเป็นสัญลักษณ์ของพิธีกรรมแห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นส่วนหนึ่งในขบวนแห่ ขบวนจะแห่จากลำน้ำหมันไปยังพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของเมืองแล้วไปสิ้นสุดที่วัดโพนชัย อันเป็นสถานที่เพื่อการเทศน์หาชาติโดยทางวัดและพระสงฆ์


บุญพระเวสและการแห่แหนที่มีผีตาโขนร่วมอยู่ด้วยนั้น ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับพระธาตุศรีสองรัก แต่เกี่ยวกับประเพณีทางพุทธที่วัดโพนชัย ขบวนแห่สิ้นสุดลงเมื่อนำพระอุปคุตเข้าวัดและการเทศน์มหาชาติก็เริ่มขึ้น โดยประเพณีคนด่านซ้ายจะนำเอาหน้ากากผีตาโขนทิ้งลอยในลำน้ำหมัน เพื่อลอยความชั่วร้ายที่มากับผีตาโขนให้หมดสิ้นไป นับเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่แสดงการกลับใจของผีตาโขนอันเป็นคนชั่วร้ายให้กลายมาเป็นคนในพระพุทธศาสนา แต่ที่สำคัญงานประเพณีนี้ เจ้าพ่อกวนเป็นประมุขแค่แสดงออกให้เห็นถึงการเป็นคนในพระพุทธศาสนา ในเวลาเดียวกันเจ้าพ่อกวนคือคนที่ต้องถือศีลห้าและประพฤติตยอยู่ในธรรมะของพระพุทธเจ้าจึงจะรักษาสถานภาพนั้นไว้ได้ เพราะคนด่านซ้ายนั้นต่างประเมินพฤติกรรมของเจ้าพ่อกวนและคณะด้วยประเพณีปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา


ประเพณีบุญพระเวสที่ชาวด่านซ้ายเรียกว่า บุญหลวง กับการเล่นผีตาโขนมีมาช้านาน แต่ในยุคพัฒนาทางเศรษฐกิจการเมืองของรัฐบาล ได้ถูกแทรกแซงโดยความคิดอุบาทว์ทางเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งดูเหมือนมีที่มาจาก ททท. และขุนนางทางราชการของรัฐ ความเป็นบุญพระเวสที่มีความหมายในการสอนธรรมะของการให้ทานแก่ผู้คนที่ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมก็หมดความสำคัญลง เพราะผู้คนทั้งภายนอกและภายในต่างก็พากันชื่นชมแต่เฉพาะการเล่นผีตาโขนแต่เพียงอย่างเดียว พอขบวนแห่เข้าวัดเพื่อให้มีการเทศน์มหาชาติ งานก็สิ้นสุดลง คนไม่สนใจจะฟังเทศน์ แต่จะนำเอาหน้ากากผีตาโขนกลับไปเป็นของที่ระลึก


แต่ว่าในขณะนี้การเข้าแทรกแซงเพื่อเปลี่ยนแปลงประเพณีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนในสังคมด่านซ้ายให้เป็นรายได้และทุนทางเศรษฐกิจ ได้กำลังแพร่เข้าไปถึงบุคคลที่เป็นขุนนางพระ จึงมีการอ้างอิงทางรัฐและอำนาจสงฆ์เข้าจัดการกับพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งเป็นพุทธาวาสแต่อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าพ่อกวนและคณะ โดยพยายามอ้างความถูกต้องทางพุทธศาสนาให้สังคมมหาชนรับรู้ เพื่อที่จะเข้าไปจัดการดูแลแทนคณะบุคคลเดิมตามประเพณี ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงภาพที่จะเกิดขึ้นได้ทันที คือ พระธาตุศรีสองรักก็คงจะกลายมาเป็นเหมือนวัดมหาธาตุดัง ๆ ในหลายจังหวัด เช่น วัดมหาธาตุพิษณุโลกเป็นอาทิ คือ กลายเป็นวัดที่มีขุนนางพระที่มียศศักดิ์และความมั่งคั่งอยู่ บริเวณเขตศักดิ์สิทธิ์ก็จะระคนไปด้วยสิ่งสาธารณ์ที่เนื่องในการขายของบูชาและวัตถุมงคลนานาชนิดที่เต็มไปด้วยมลภาวะในเรื่องแสงและเสียง


ดังนั้น ในที่นี้เพื่อทำความเข้าใจกับคนที่บ้าคลั่งในเรื่องความถูกต้องในพุทธศาสนาและความเป็นคนไทยแบบกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ในสำนึกของขุนนางพ่อค้าและขุนนางพระ ข้าพเจ้าใคร่เสนอให้รับทราบว่า พระธาตุเจดีย์ศรีสองรักนั้นไม่มีพระบรมธาตุที่ผู้คนจะไปไหว้ไปกราบกันอย่างเช่นพระมหาธาตุเจดีย์ทั้งหลาย แต่เป็นวัดในทางพระพุทธศาสนาแบบที่ทางสุโขทัย ล้านนา และล้านช้างมีมาแต่อดีต ซึ่งผู้คนจะเรียกว่า อาราม เพราะความสำคัญจะอยู่ที่พระวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ชาวบ้านชาวเมืองที่ไปไหว้พระธาตุศรีสองรักนั้น เขาไหว้พระที่วิหารแล้วแก้บนต้นผึ้งให้กับพระธาตุเจดีย์ พระอารามหรือวิหารของพระธาตุศรีสองรักนั้น นอกจากคนไปกราบไหว้พระพุทธรูปแล้วยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีในการแก้บนสำหรับคนที่จะบวช คือผู้ที่เป็นนาคจะขึ้นไปกราบไหว้ก่อนที่ไปประกอบพิธีบวชในพระอุโบสถที่วัดโพนชัยหรือวัดอื่น ๆ


ในสำนึกของของชาวบ้าน พระธาตุศรีสองรักไม่เคยมีหน้าที่เป็นวัด


พระธาตุศรีสองรักษ์คือสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าทั้งความเชื่อในเรื่องพุทธและผีนั้นอยู่ด้วยช่วยกันในเรื่องความมั่นคงทางจิตใจและสังคมในกับคนด่านซ้ายอย่างยั่งยืนเสมอมา จึงหาควรที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นแหล่งพุทธพาณิชย์ไม่ ขุนนางพ่อค้าและขุนนางพระผู้ใดหวังจะทำลายมรดกทางวัฒนธรรมของคนด่านซ้ายดังกล่าวนี้ก็น่าที่จะโดนผีลงโทษและตกนรกอเวจีในทางพระพุทธศาสนาเป็นแน่แท้


 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:



Comments


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page