top of page

ศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกง ศาลเจ้าหลักเมืองในย่านสำเพ็ง

อภิญญา นนท์นาท

เผยแพร่ครั้งแรก 1 ก.ย. 2558


ในกลุ่มศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่บริเวณย่านทรงวาดและสำเพ็งศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกงหรือศาลเจ้าหลักเมืองตั้งอยู่ตรงตรอกชัยภูมิ ถือว่าเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่และมีคติความเชื่อที่น่าสนใจแตกต่างจากศาลเจ้าอื่น ๆ ในย่านนั้น ทั้งที่เป็นความสำคัญในฐานะเทพเจ้าหลักเมืองของชาวจีนในย่านสำเพ็งและคติความเชื่อที่เกี่ยวของกับความตาย


ตรอกชัยภูมิ เป็นตรอกเล็ก ๆ อยู่ทางด้านข้างศาลเจ้าเล่าปุนเถ่ากงและโรงเรียนเผยอิง เชื่อมต่อระหว่างถนนทรงวาดกับซอยวานิช ๑ ภายในตรอกมีชุดอาคารห้องแถว ซึ่งเป็นอาคารเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เรียกกันว่า "ตึกสิบห้อง" มีความโดดเด่นที่ลวดลายไม้แกะสลักประดับอาคารที่ยังคงหลงเหลืออยู่


จากคำบอกเล่าของคุณมนตรี สุขกมลสันติพร ผู้ดูแลศาลเจ้าหลักเมืองและคนเก่าแก่ในชุมชนมิตรชัยภูมิกล่าวว่า เดิมตรอกชัยภูมิมีชื่อเรียกที่รู้จักโดยทั่วไปว่าตรอกแดง ก่อนที่จะมาเปลี่ยนชื่อเป็นตรอกชัยภูมิภายหลัง คำเรียก ตรอกแดง นั้น ยังปรากฎอยู่ในแผนที่เก่าที่ค้นได้จากหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนที่แสดงอาณาเขตของศาลเจ้าเก่าหรือศาลเจ้าเล่าปุ่นเถ่าถง ก่อนมีการตัดถนนทรงวาด


จากคำบอกเล่าถึงประวัติและความสำคัญของตรอกแดงพบว่ามีความเกียวข้องกับ "เจ้าสัวติก" คหบดีชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งมีบ้านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาถัดจากท่าน้ำศาลเจ้าเก่า ซึ่งน่าจะเป็นบริเวณตรอกเจ้าสัวติกล้ง ริมถนนทรงวาดในปัจจุบันคนเก่าแก่ในชุมชนมิตรชัยภูมิยังคงบอกเล่าเรื่องราวของการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาวจีนภายในชุมชนว่า เจ้าสัวติกได้อุปถัมป์และจัดสรรที่อยู่ให้กลุ่มคนจีนโพ้นทะเลที่มาจากตำบลเดียวกัน ให้มาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณตรอกแดง


ภายหลังจากเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ในตำบลสำเพ็งเมื่อรา ร.ศ.๑๒๕ หรือ พ.ศ.๒๔๔๙ ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นเหตุให้มีการตัดถนนทรงวาดขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกันนี้เจ้าสัวติกได้ขอพระราชทานที่ดินสร้างอาคารตึกแถวภายในตรอกแดง และแบ่งที่ดินส่วนหนึ่งสร้างเป็นศาลเจ้าเล็ก ๆ เพื่อประดิษฐานเทพเจ้าหลักเมืองหรือเซี้ยอึ้งกงที่อัญเชิญมาจากเมืองจีน


ชุดอาคารเก่าภายในตรอกชัยภูมิ สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๕


เทพเจ้าหลักเมืองเป็นเทพประธานของศาลทำเป็นเทวรูปแต่งกายแบบขุนนางจีนโบราณ และมีเทพบริวารขนาบข้างอยู่ซ้ายขวา


นอกจากนี้ายในศาลยังเป็นที่เก็บรักษาระฆังโบราณที่มีจารึกปีศักราชกษัตริย์เต้ากวงปีที่ ๒๒ แห่งราชวงศ์เซ็งอีกด้วย


คุณสมชัย กวางทองพาณิชย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรมจีน และเป็น "คนใน" ที่มีความสนใจศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นภายในย่านสำเพ็งและพื้นที่ใกล้เคียง ได้แสดงความเห็นเรื่องศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกงว่าในเมืองจีนจะมีการตั้งศาลเจ้าหลักกเมืองขึ้นบริเวณข้างกำแพงเมืองหรือคูเมือง บริเวณที่เป็นทางเข้าออกเมืองจะต้องผ่านศาลหลักเมืองนี้เพื่อเป็นการขออนุญาต ความสำคัญของศาลเจ้าหลักเมืองในคติความเชื่อของชาวจีนยังเกี่ยวข้องกับความตายอีกด้วย คือมีความเชื่อว่าเทพเจ้าหลักเมืองมีหน้าที่ควบคุมการเข้าออกของดวงวิญญาณ หากมีผู้เสียชีวิตจะต้องมาไหว้เพื่อแจ้งบอกกล่าวองค์เทพหลักเมืองให้ทราบก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายนำศพไปฝัง สำหรับศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกงแห่งนี้มีคติความเชื่อเช่นเดียวกันเมื่อมีคนที่อาศัยในบริเวณย่านนี้เสียชีวิตไป ลูกหลานจะต้องมาไหว้แจ้งบอกกล่าวต่อเทพเจ้าเพื่อให้ช่วยคุ้มครองดวงวิญญาณ ซึ่งยังคงเป็นประเพณีปฏิบัติที่ยึดถือมาถึงปัจจุบัน


นอกจากนี้คุณสมชัยยังแสดงความเห็นว่าจากความสำคัญของศาลเจ้าหลักเมือง อาจจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งแสดงถึง "ความเป็นเมือง" ของย่านสำเพ็งในมโนทัศน์ของชาวจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในย่านนี้ เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของสภาพพื้นที่ลำคลอง ตรอก และศาลเจ้าสำคัญ พบว่าจากบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นไป จุดสำคัญที่เป็นประธานของเมืองคือ ศาลเจ้าเล่าปุนถ่างกง ซึ่งเป็นศาลเจ้าใหญ่และเก่าแก่ของกลุ่มชาวจีนแต้จิ๋ว ดังที่มีเรื่องเล่ากันว่า สมัยก่อนคณะงิ้วที่เดินทางมาจากเมืองจีน จะต้องขึ้นมาถวายที่ศาลเจ้าเล่าปุนเถ่ากงเป็นเวลา ๑ คืน ก่อนที่จะเดินทางไปแสดงยังที่อื่นได้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของศาลเจ้าเล่าปุนเถ่ากงว่าไม่ใช่เฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้นที่ให้ความศรัทธาหากแต่รวมถึงกลุ่มคนจีนที่เข้ามาใหม่ด้วย


"เซี้ยอึ้งกง" เทพประธานภายในศาลเจ้า


ในอดีตศาลเจ้าเล่าปุนเถ่ากง ถูกขนาบข้างด้วยคลองสำคัญคือครองมังกรและครองโรงกระทะ ปัจจุบันถูกถมเป็นถนนมังกรและถนนเยาวพานิช และมีตรอกโรงโคม (เต็งลั้งโกย) เป็นเส้นทางสัญจรสำคัญที่เป็นเสมือนแกนหลักของย่านในยุคก่อนตัดถนนสายต่าง ๆ ตรอกโรงโคมเป็นเส้นทางเชื่อมจากทางจากท่าน้ำศาลเจ้าเก่า (ศาลเจ้าเล่าปุนเถ่ากง) เข้าไปสู่ตลาดเก่า ผ่านศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ไปถึงศาลเจ้าปอเต็กตึ๊งที่ย่าพลับพลาไชย จากสภาพพื้นที่ของย่านสำเพ็งดังกล่าวนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงภาพความเป็นเมืองขนาดย่อม ๆ ดังนั้นการตั้งศาลเจ้าหลักเมืองขึ้นในบริเวณนี้ จึงน่าจะเป็นสิ่งที่เน้นย้ำถึงแนวคิดดังกล่าวด้วยก็เป็นได้


นอกจากนี้ศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกงยังมีคติความเชื่อที่เป็นเรื่องเฉพาะของท้องถิ่นอีกด้วย จากคำบอกเล่าของคุณวิเชียร สุขกมลสันติพร เจ้าของเตียท่งเซ้ง ร้านทำซาลาเปาและขนมมงคลที่สืบทอดมาถึง ๓ รุ่นภายในตรอกชัยภูมิ กล่าวว่าบางคนเรียกศาลเจ้าแห่งนี้ว่า "ศาลเจ้าขี้ยา" เพราะสมัยก่อนคนนิยมนำฝิ่นมาเป็นเครื่องแก้บน ให้เทพบริวารของเทพเซี้ยอึ้งกง เพราะเชื่อกันว่าเทพบริวารทั้ง ๒ องค์มีหน้าที่ช่วยรับดวงวิญญาณซึ่งต้องทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงต้องนำฝิ่นมาถวายเพราะคิดว่าฝิ่นเป็นยาที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ดังนั้นผู้ที่มาบนบานขอให้หายโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อมาแก้บนจะนำฝิ่นมาป้ายที่ปากของรูปเคารพบริวารทั้ง ๒ องค์ในยุคที่ฝิ่นกลายเป็นของผิดกฎหมายจึงเปลี่ยนเครื่องแก้บนเป็นบุหรี่ กาแฟดำ หรือชาร้อนตามสมควร


การนำฝิ่นมาเป็นเครื่องก้บนบานศาลเก่านั้นยังปรากฏว่าเป็นความเชื่อที่พบในศาลเจ้าจีนแห่งอื่น ๆ อีกด้วย เพราะโรงฝิ่นถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่นิยมในกลุ่มแรงงานชาวจีน ดังจะเห็นได้ว่าหากที่ใดมีชุมชนชาวจีน ย่อมเคยมีโรงฝิ่นเกิดขึ้นควบคู่กันเสมอ สมัยก่อนที่ตรอกแดงหรือตรอกมิตรชัยภูมิยังเคยเป็นที่ตั้งของโรงยาฝิ่น รวมถึงแหล่งเริงรมย์สำหรับบุรุษ ซึ่งแหล่งที่เกิดขึ้นชื่อภายในตรอกชัยภูมิคือ "กิมเทียนเหลา" โรงโสเภณีที่มีหญิงสาวชาวจีนกวางตุ้งคอยให้บริการ อย่างไรก็ตามแหล่งเริงรมย์ดังกล่าวได้เลิกราไปตามยุคสมัย ปัจจุบันอาคารต่าง ๆ ภายในตรอกส่วนมากถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยและบางส่วนถูกปรับเป็นโกดังสำหรับเก็บสินค้าของร้านในตลาดสำเพ็ง


ในขณะที่ยุคสมัยแปรเปลี่ยน สภาพวิถีชีวิตของผู้คนในย่านสำเพ็งเริ่มเปลี่ยนแปลงตามกันไป แต่ศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกงหรือศาลเจ้าหลักเมืองยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจและที่นับถือศรัทธาของคนเชื้อสายจีนในย่านสำเพ็งเรื่อยมา ดังจะเห็นว่าศาลเจ้าหลักเมืองไม่เคยว่างเว้นจากผู้ที่มาสักการบูชา โดยเฉพาะในช่วงวันที่ ๒๕-๒๖ มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นงานประเพณีประจำปีไหว้เจ้าพ่อหลักเมือง และในช่วงเทศกาลสำคัญของชาวจีน เช่น ตรุษจีน สารทจีน ทิ้งกระจาด เช่นเดียวกับศาลเจ้าจีนแห่งอื่น ๆ ในบริเวณย่านจีนแห่งนี้ยังคงรักษาความเป็นศูนย์รวมจิตใจของลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเลสืบมาจนถึงปัจจุบัน


ขอขอบคุณ

คุณสมชัย กวางทองพานิชย์, คุณมนตรี สุขกมลสันติพร และคุณวิเชียน สุขกมลสันติพร


 

อภิญญา นนท์นาท


อ่านเพิ่มเติมได้ที่:


Comments


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page