top of page

เมืองด่านซ้ายกับพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น

วลัยลักษณ์ ทรงศิริ

อัปเดตเมื่อ 5 ก.พ. 2567

เผยแพร่ครั้งแรก 1 พ.ย. 2550



ด่านซ้ายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์และคนในท้องถิ่นรู้คุณค่าเสน่ห์แห่งบ้านเมืองตนเอง


กว่ายี่สิบปีแล้วตั้งแต่เริ่ม “ปีท่องเที่ยวไทย” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ องค์กรของรัฐและธุรกิจการท่องเที่ยวโหมประชาสัมพันธ์ประเพณีสำคัญของท้องถิ่นที่มี “ผีตาโขน” เป็นพระเอก จนคนไทยคุ้นเคยกับคำว่า “เทศกาลผีตาโขน” ที่มีผู้คนท้องถิ่นแต่งตัวและใส่หน้ากากสีสันสดใสที่ทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียว เต้นรำอย่างครึกครื้นไปทั่วเมือง โดยไม่มีใครพูดถึงที่มาที่ไปของเทศกาลนี้ว่าเป็น “งานบุญหลวง” หรืองานบุญใหญ่ที่สุดของท้องถิ่นในรอบปี


ในบางปีองค์กรการท่องเที่ยวประชาสัมพันธ์ในแง่การตลาด ให้งานบุญของชาวด่านซ้ายกลายเป็น “เทศกาลฮาโลวีน” แบบฝรั่งไปเสีย เพื่อเลียนแบบหรือสื่อสารอย่างผิดๆ หวังให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใจง่าย ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ “หยาบและง่ายเกินไป”


การแสดงแสงสีเสียงที่นิยมจัดขึ้นในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ตามเมืองเก่าต่าง ๆ ก็กลายมาเป็นการแสดงทางวัฒนธรรมที่ถูกเขียนบทขึ้นมาใหม่ แต่ด้วยความที่ใช้เวลาให้กับการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจังน้อยมาก ประวัติศาสตร์ของเมืองด่านซ้ายที่แสดงออกมาจึงสับสนวกวน โยงเรื่องนั้นไปใส่เรื่องนี้ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ประวัติศาสตร์เมืองด่านซ้ายจากแสงสีเสียงจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกับวิธีสั่งการของข้าราชการในอำเภอหรือจังหวัด หรือจากองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐที่กำหนดวันเวลา รูปแบบพิธีกรรมในขบวนแห่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการนำเสนอสีสันของงานเทศกาลที่ดีแล้ว เหมาะแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยว แต่พยายามลืมหรือลบความจริงของงานบุญที่มีความหมายต่อชาวบ้านท้องถิ่นไปโดยไม่ใส่ใจแต่อย่างใด


เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ด่านซ้าย แต่เกิดแก่เมืองท่องเที่ยวทุกแห่งที่รัฐเข้าไปจัดการ และท้องถิ่นย่อย ๆ อีกหลายแห่งที่เลียนแบบการจัดการการท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ การสร้างเรื่องจากความเข้าใจของคนภายนอกขึ้นมาใหม่ให้คู่ขนานไปกับเรื่องราวจากภายใน จนทำให้คนในท้องถิ่นที่รู้จริงและทราบที่มาที่ไปในรากเหง้าทางสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่นต้องตั้งคำถามกับตนเองใหม่ และนำไปสู่กระบวนการสำรวจตรวจสอบค้นคว้าความหมายของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ตำนานเรื่องเล่า สังคมและประเพณีที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป เพื่อสร้างความหมายที่ชัดเจนให้สังคมในท้องถิ่นและสังคมภายนอกรับรู้ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมของด่านซ้ายร่วมกัน


การท่องเที่ยวแบบฉาบฉวยแม้จะมีความนิยมเพราะถูกบีบคั้นในช่วงเวลาหนึ่งนั้นไม่จีรัง เพราะที่ด่านซ้ายเกิดคำถามขึ้นมากมายและมีปฏิกิริยาของคนท้องถิ่นอย่างเงียบ ๆ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่มีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวอันเป็นกระบวนการเรียนรู้จากภายใน


นายแพทย์ภักดี สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย เป็นหัวแถวคนหนึ่งในเมืองด่านซ้ายที่นำเอาความเป็นนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาเชื่อมโยงกับกิจกรรมของเยาวชนและคนสูงวัยในด่านซ้าย และเชื้อเชิญให้ทางมูลนิธิฯ เข้าไปแลกเปลี่ยนพูดคุยแสดงความคิดเห็นร่วมกันกับกิจกรรมของคนในชุมชน ที่ต่อเนื่องไปถึงเรื่องการจัดการการท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่มาจากรากฐานในชีวิตวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่นเอง คุณหมอภักดีเล่าถึงสภาพภูมิศาสตร์ของเมืองด่านซ้ายและการทำงานร่วมกับมูลนิธิฯ ว่า

“อำเภอด่านซ้ายเป็นอำเภอชายแดนในจังหวัดเลย ติดกับประเทศลาว โดยมีแม่น้ำเหืองเป็นแนวกั้น มีประวัติศาสตร์ที่สามารถสืบค้นได้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีปูชนียสถานที่สำคัญคือ พระธาตุศรีสองรัก ลักษณะท้องถิ่นอยู่ในหุบเขา ในสมัยก่อนมีความลำบากในการติดต่อกับภายนอก จึงทำให้ยังคงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี แต่ในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงภายนอกมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตคนในท้องถิ่นในด้านไม่ดีมากขึ้น ทางท้องถิ่นจึงรวมตัวกันที่จะหาแนวทางให้คนในท้องถิ่นได้เรียนรู้และเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยใช้ทุนทางสังคมที่มีอยู่ซึ่งได้แก่ วิถีชีวิตที่เรียบง่ายสอดคล้องกับธรรมชาติที่มีความเชื่อในลักษณะเฉพาะ เป็นต้น


ในแต่ละปีอำเภอด่านซ้ายมีงานประเพณีงานบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ซึ่งแล้วแต่การกำหนดของเจ้าพ่อกวนซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่เข้มแข็งของชาวด่านซ้าย แต่การจัดงานถูกบิดเบือนความเข้าใจที่ถูกต้อง และจุดประสงค์ของงานเป็นเพียงเพื่อการท่องเที่ยวและการค้าเท่านั้น ซึ่งละเลยคุณค่าหลัก ได้แก่ ความเอื้ออาทรภายในท้องถิ่น การเคารพต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้มีโอกาสพบกับคุณวลัยลักษณ์ ทรงศิริ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ จึงได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของงานประเพณีดังกล่าว และนำไปสู่การวิจัยเรื่องโครงการอบรมและวิจัยเชิงปฏิบัติการทางประวัติศาสตร์โบราณคดีและชาติพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม กรณีศึกษาบ้านด่านซ้าย นาเวียง และนาหอ ลุ่มน้ำหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยคณะนักวิจัยท้องถิ่น บ้านด่านซ้าย บ้านนาเวียง บ้านนาหอ และงานวิจัยได้เสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยมี รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม เป็นหัวหน้าโครงการ และ ดร.ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ ดร.สุเทพ สุนทรเภสัช รศ.ปรานี วงษ์เทศ เป็นที่ปรึกษา ผศ.เอกรินทร์ พึ่งประชา เป็นผู้ประสานงาน โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)


หลังจากงานวิจัยเกิดการเปลี่ยนแปลงในท้องถิ่น เช่น มีการนำข้อมูลจากการวิจัยไปเผยแพร่ในรูปของหนังสือ การ์ตูนผีตาโขน หนังสือจากงานวิจัยเรื่อง ผีและพุทธ ศาสนาและความเชื่อในสังคมด่านซ้าย ดุลยภาพทางจิตวิญญาณของชาวบ้านในลุ่มน้ำหมัน มีคำถามในงานวิจัยเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในโรงเรียนหลายแห่งได้กำหนดเป็นหลักสูตรท้องถิ่น นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมีความสนใจเรื่องราวของเมืองด่านซ้าย และติดต่อมาศึกษาดูงานมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดเกิดความภาคภูมิใจภายในท้องถิ่น จนนำไปสู่การพัฒนาพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นผีตาโขน ที่วัดโพนชัย พิพิธภัณฑ์เมืองด่านซ้าย ที่พระธาตุศรีสองรัก พิพิธภัณฑ์วัดศรีภูมิ ที่บ้านนาหอ และยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ให้ความสนใจในการรวบรวมข้อมูลและสิ่งของที่ใช้ในการดำรงชีวิตในสมัยก่อน เช่น โรงเรียนบ้านนาข่า

ประกอบกับอำเภอด่านซ้ายมีผู้นำและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาลตำบลด่านซ้าย และอบต.นาหอ) ที่เข้าใจและให้การสนับสนุน จึงได้ประชุมและเสนอให้ประสานกับมูลนิธิเล็ก- ประไพ วิริยะพันธุ์ ขอให้มาช่วยให้คำปรึกษาในการวางรูปแบบการจัดการพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนในท้องถิ่นได้เกิดสำนึกร่วมซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาในทุกด้าน ส่วนการท่องเที่ยวจะเป็นผลพลอยได้เท่านั้น


จึงหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมที่แสดงถึงความร่วมมือทางวัฒนธรรม การศึกษา และพัฒนาองค์ความรู้ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ต่อไป”


สำหรับมูลนิธิฯ เมืองด่านซ้ายนับว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจศึกษาให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งในเรื่องประวัติศาสตร์โบราณคดีและประวัติศาสตร์สังคม โดยเฉพาะระบบความเชื่อที่มีรูปแบบแตกต่างไปจากท้องถิ่นอื่น ๆ อีกทั้งความเคลื่อนไหวที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นกระบวนการประชาสังคมที่แท้จริงของเมืองด่านซ้าย ที่สามารถรวบรวมเอาความคิดของคนหลากรุ่นหลากสถานภาพ ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและชาวบ้าน ทั้งคนข้างในและข้างนอกมาบูรณาการเพื่อให้เกิดความคิดการขับเคลื่อนที่สามารถทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้จนมาถึงปัจจุบัน


อย่างน้อยในวันที่ไปเยี่ยมเยือนเมืองด่านซ้ายอีกครั้ง ป้ายประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวที่เคยใช้แต่คำว่า “ประเพณีผีตาโขน” ก็กลายเป็น “ประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน” แทน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ให้ความสำคัญกับที่มาของผีตาโขนที่เป็นประเพณีใหญ่ของชาวบ้านด่านซ้ายอย่างเห็นได้ชัด และคงมีที่มาจากงานวิจัยที่ชาวบ้านได้ร่วมแรงกันทำในปีที่ผ่านมา


 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:


Comments


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page