เผยแพร่ครั้งแรก 1 ต.ค. 2548
การเห็นประวัติศาสตร์จากภายในกลายเป็นเรื่องสำคัญของการศึกษาสังคมข้ามวัฒนธรรมหรือสังคมอื่นอย่างจำเป็น
เวียดนามสำหรับคนไทย การรับรู้ทางประวัติศาสตร์ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องกบฏไต้เซินซึ่งเป็นเหตุให้องเชียงสือพร้อมครัวญวนต้องหนีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ที่กรุงเทพฯ ระยะหนึ่ง ได้รับพระราชทานกองทัพไปตีเมืองไซ่ง่อนครั้งหนึ่ง ใช้เวลากว่า ๕ ปีก็ลอบกลับบ้านกลับเมืองไปโดยไม่บอกให้ใครรู้ เป็นเหตุให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทขุ่นเคืองและไม่ไว้ใจทัพญวนทางทะเล จนเป็นเหตุให้มีพระราชประสงค์ให้สร้างเมืองพระประแดงพร้อมป้อมขึ้นใหม่เพื่อเป็นเมืองด่านป้องกันศึกทางปากน้ำ
องเชียงสือและกบฏไต้เซินคือภาพของ ผู้ทรยศและกบฏ ในสายตาของคนไทยและประวัติศาสตร์ไทย
แต่สำหรับชาวเวียดนาม ประวัติศาสตร์ที่ฝากร่องรอยและความทรงจำแห่งสงครามอย่างยาวนานและไม่ว่างเว้น กบฏไต้เซิน คือวีรบุรุษสามัญชนผู้รวบรวมกองกำลังชาวนาเพื่อปลดแอกจากระบบภาษีที่เอาเปรียบรวมชาติเหนือและใต้ให้เป็นแผ่นดินเดียว ชาวเวียดนามเรียนรู้และซึมซับ ความรักชาติ [Patriotism] จากวีรกรรมของพี่น้องตระกูลเหวียนแห่งหมู่บ้านไต้เซินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของประวัติศาสตร์เวียดนามยุคหนึ่ง และไม่เคยมีคำว่าผู้ทรยศสำหรับองเชียงสือ ที่ต่อมาคือจักรพรรดิญาลองปฐมกษัตริย์ผู้สร้างพระราชวังเมืองเว้และปกครองบ้านเมืองในฐานะ “เวียดนามประเทศ” ได้เป็นครั้งแรก
แท้จริงแล้ว สำหรับ กษัตริย์กว่างจุง [QUANG TRUNG] หรือ [Nguyen Hue] (พ.ศ.๒๒๙๕-๒๓๓๕) ผู้เติบโตที่หมู่บ้านไต้เซิน ในจังหวัดเหงีย บินห์ ทางภาคกลางของเวียดนามเป็นพี่ชายคนที่สองของสามพี่น้องคือ เหวียน ธัค, เหวียน เว้ และเหวียน ลู ซึ่งเป็นหญิง [Nguyen Nhac, Nguyen Hue, and Nguyen Lu] ผู้นำในการปฏิวัติจากราชวงศ์เหวียนผู้ครอบครองแผ่นดินทางตอนใต้ของเวียดนาม ในปี พ.ศ.๒๓๒๘ ซึ่งเทียบได้กับช่วงเริ่มราชวงศ์จักรีที่กรุงเทพฯ พี่น้องไต้เซินเข้ายึดเมืองหลวงไซ่ง่อนและเริ่มการต่อต้านกลุ่มราชวงศ์ตรินห์ซึ่งครอบครองแผ่นดินทางเหนือ
เหวียน เว้ มีคำขวัญเพื่อต่อสู้คือ ฟื้นฟูราชวงศ์ลี ทำลายราชวงศ์ตรินห์ ภายหลังขึ้นครองราชย์ในชื่อ กว่างจุง ตั้งเมืองหลวงที่เว้และส่งบรรณาการให้จีน ทำให้รัฐเป็นปึกแผ่น ปรับปรุงการทหาร ปฏิรูปที่ดิน และเปิดความสัมพันธ์ทางการค้ากับตะวันตก ฟื้นความรู้สึกรักชาติเป็นอิสระ วางแผนประเพณีราชสำนักแทนที่แบบจีนฮั่น แต่เขาตายอย่างกะทันหันใน พ.ศ.๒๓๓๕ ขณะมีอายุเพียง ๓๙ ปี ลูกชายที่มีอายุเพียงสิบขวบจึงไม่สามารถรักษาบัลลังก์ไว้ได้
รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นจัดสร้าง พิพิธภัณฑ์กว่างจุง ที่หมู่บ้านไต้เซิน บ้านเกิดของพี่น้องตระกูลเหวียน พิพิธภัณฑ์สร้างในปี พ.ศ.๒๕๒๒ จัดแสดงร่องรอยของชีวิตและผลงานกษัตริย์กว่างจุงเมื่อเกิดกระแสการลุกขึ้นสู้ของชาวนาที่ไต้เซินและพื้นที่ใกล้เคียง วีรกรรมการสู้รบของเหวียน เว้และพี่น้อง รวมทั้งภาพจิตรกรรมชิ้นหนึ่งที่ถือว่าเป็นวาทกรรมทางประวัติศาสตร์ของสองประเทศคือสยามและเวียดนามเป็นภาพเรือพายอนันตนาคราชซึ่งเสมือนสัญลักษณ์ของกรุงสยาม ที่เรารับรู้กันว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ส่งทัพเรือไปช่วยรบ ถูกกองเรือท้องถิ่นตีแตกพ่ายทำลายในน่านน้ำทะเลเวียดนาม อันเป็นการบ่งถึงประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของผู้เฝ้ามองจากภายในซึ่งอาจจะผิดหรือถูกในข้อเท็จจริงก็ได้ แต่ที่สำคัญคือ ภาพเขียนเหล่านั้นได้ทำหน้าที่แสดงออกอย่างเงียบ ๆ ในการกระตุ้นความรักชาติให้ก่อเกิดแก่ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ชาวเวียดนามทั้งหลายแล้ว
นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณโดยรอบนอกจากอนุสาวรีย์กษัตริย์กว่างจุงนำทัพซึ่งอยู่ด้านหน้าแล้ว ข้าง ๆ อาคารพิพิธภัณฑ์คือศาลเจ้าของตระกูลเหวียนและอนุสรณ์ที่รำลึกอื่น ๆ เช่น ต้นมะขามอายุกว่าสามร้อยปี บ่อน้ำ สวนส้มของเหวียน เว้ เป็นต้น สิ่งเหล่านั้นไม่ต้องใช้การจัดแสดงแต่อย่างใด ความหมายที่แฝงเร้นอยู่ก็เพื่อให้เห็นชีวิตคนธรรมดาที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีอภินิหารเหนือมนุษย์ เพราะนี่คือกษัตริย์ชาวบ้านที่แข็งแกร่งพอจะเป็นผู้นำการปลดปล่อยชาวนาที่ทุกข์ยากซึ่งเป็นผู้คนพื้นฐานของประเทศและสามารถรวมชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว
การยึดครองเวียดนามจนกลายเป็น “อินโดจีนของฝรั่งเศส” ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๐๑ - ๒๔๘๓ และการเข้ายึดครองโดยญี่ปุ่นระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกว่า ๕ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ - ๒๔๘๘ จนกระทั่งเกิด “สงครามอินโดจีน” เพื่อต่อต้านการกลับเข้ามาของฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่งใน พ.ศ.๒๔๘๘ - ๒๔๙๙ ทำให้เวียดนามต้องกลายเป็นบ้านเป็นเมืองที่มีสงครามยืดเยื้อยาวนานและไม่จบสิ้น
การเอาชนะฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟูสำเร็จนำไปสู่การเจรจาสงบศึก จากสงครามนี้เวียดนามถูกแบ่งแยกออกเป็นเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ที่บริเวณเส้นขนานที่ ๑๗ องศาเหนือ ผู้นำสำคัญอีกท่านหนึ่งของเวียดนามคือ “โฮจิมินห์” เลือกที่จะใช้ระบบสังคมนิยมแก่เวียดนามเหนือหรือเวียดมินห์ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่พยายามทำอย่างเดียวกับกษัตริย์กว่างจุง นั่นคือการรวมเวียดนามและสิ่งที่ประสงค์ที่สุดคือ “เวียดนามต้องเป็นหนึ่งเดียว”
ความพยายามรวมชาติของ “ลุงโฮ” ยังไม่เป็นผลสำเร็จ จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาขยายการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในเอเชีย สงครามเวียดนามจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้หนักหนาและปวดร้าวเกินกว่ามนุษย์จะกระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน
เมื่ออเมริกาแพ้สงครามถอนทัพกลับไป เวียดนามยังคงทำสงครามเพื่อต่อต้านการเข้ามาของเขมรแดงตามแนวชายแดนจึงมีการบุกเข้าไปในกัมพูชา จนถึงปัจจุบัน เวียดนามเริ่มฟื้นจากสงครามอันยาวนาน พยายามสร้างความปรองดองทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลากหลายแก่ผู้คนมากกว่า ๕๐ ชาติพันธุ์ และในที่สุดก็เริ่มรับระบบและค่านิยมบางอย่างจากตะวันตกอย่างช้า ๆ

อนุสาวรีย์กษัตริย์กว่างจุงหน้าพิพิธภัณฑ์

ภาพเรือที่แสดงสัญลักษณ์เมืองสยามถูกตีโต้จากทัพเรือเวียดนาม
ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของเวียดนาม กษัตริย์กว่างจุง ผู้นำกบฏไต้เซินคือวีรบุรุษชาวนาผู้รวมประเทศเวียดนามได้ครั้งแรกอย่างแท้จริง ส่วนลุงโฮ หรือโฮจิมินห์ ผู้ที่ชาวเวียดนามทุกคนต้องมีรูปท่านประดับบ้านไว้เสมอคือผู้พยายามรวมชาติเวียดนามคนต่อมา
จากประสบการณ์ของการถูกกดขี่และความแตกแยกภายในชาติโดยถูกรุกรานจากผู้อื่น สิ่งที่ชาวเวียดนามตระหนักก็คือ วีรบุรุษย่อมคู่กับความรักชาติเสมอ
และวีรบุรุษของเวียดนามนั้นแสวงหา “อิสรภาพ เสรีภาพ และความสุข” เป็นอุดมคติอันสูงสุด
วลัยลักษณ์ ทรงศิริ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
Comments