เผยแพร่ครั้งแรก 1 มิ.ย. 2558


ศาลพ่อปู่บ้านบาตร ในรูปแบบพ่อปู่ปั้นจากดินเหนียวจำลองเป็นคนสูงอายุ (ซ้าย)
ศาลพ่อปู่บ้านบาตร ในรูปแบบเตาแล่นครูบาตรของชาวบ้านบาตร (ขวา)
ชุมชนบ้านบาตรเป็นชุมชนเก่าและเรียกได้ว่าเป็นชุมชนแบบธรรมชาติที่ยังคงเหลืออยู่น้อยแห่งในกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอยู่ในเขตพระนคร นอกกำแพงพระนครชั้นในและคลองโอ่งอ่าง-บางลำพูหรือคลองเมืองไม่มากนัก และอยู่ในอาณาบริเวณที่เป็นส่วนหนึ่งในย่านวัดสระเกศวรมหาวิหาร
มีเรื่องเล่าการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านบาตรหลายที่มา บ้างก็ว่าเคยตั้งอยู่ในตำบลคลองบาตรพระ พระนครศรีอยุธยา หลังจากที่อยุธยาเสียกรุงในสงครามจึงพากันมาอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งที่มาของชื่อชุมชนบ้านบาตรก็มีที่มาจากการทำบาตรพระที่เป็นอาชีพดั้งเดิมของคนกรุงเก่า บ้างก็ว่าเป็นส่วนหนึ่งเป็นชาวเขมรที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาในพระนครตั้งแต่สมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พร้อมกับงานช่างฝีมือการทำบาตรพระและตั้งหลักแหล่งอาศัยอยู่จนปัจจุบัน
เล่ากันว่าช่วงแรกชุมชนบ้านบาตรเคยตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองพระนคร แต่การตีบาตรกันทั้งชุมชนทำให้เกิดเสียงดังสู่ชุมชนโดยรอบรวมถึงพระบรมมหาราชวังที่ประทับของพระมหากษัตริย์ด้วย พอมีการจัดตั้งหมวดหมู่ของชุมชนขึ้น ชุมชนที่มาจากกรุงเก่าจึงย้ายมาอยู่ด้านนอกกำแพงเมืองในบริเวณที่ตั้งของชุมชนบ้านบาตรในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ บริเวณสี่แยกเมรุปูน ระหว่างถนนบำรุงเมืองและถนนบริพัตร เป็นเวลา ๒oo กว่าปีมาแล้ว โดยตั้งอยู่ในที่ดินของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
บาตรพระของชาวชุมชนบ้านบาตรมีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามและมีเอกลักษณ์ ด้วยขั้นตอนการทำบาตรที่ต้องใช้ความประณีตกว่าที่อื่น แต่ละขั้นผ่านการทำด้วยมือทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการตีขอบ การต่อบาตร การแล่นบาตร การตีและการตะไบ ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ใช้แตกต่างกันไป อุปกรณ์เหล่านี้ชาวบ้านบาตรถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องเคารพและมีครูที่ต้องกราบไหว้ก่อนการทำบาตรทุกครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
นอกจากนี้ พิธีกรรมที่สำคัญของทั้งชุมชนก็คือ ชาวบ้านบาตรไหว้บูชาพ่อปู่ก่อนทำบาตรทุกครั้ง โดยถือว่าพ่อปู่เป็นครูและเป็นผู้ที่ปกปักรักษาดูแลชาวชุมชนให้อยู่อย่างปลอดภัย
ด้วยความศรัทธาและการระลึกถึงบุญคุณของพ่อปู่นี้ ทำให้ชาวชุมชนบ้านบาตรจัดงานไหว้พ่อปู่ขึ้น
ที่มาของตำนานพ่อปู่บ้านบาตรมีการเล่าสืบต่อกันมานานว่า ครั้งหนึ่งมีคนเคยฝันเห็นผู้ชาย รูปร่างสูงใหญ่ นุ่งขาวห่มขาว ผมเกล้ามวย จึงปั้นรูปองค์พ่อปู่นี้ขึ้นมาโดยใช้ดินเหนียว ซึ่งดินเหนียวที่ว่านี้มีการนำเอาดินเหนียวในป่าช้ามาปั้น เพื่อให้เกิดความขลังศักดิ์สิทธิ์

รำถวายพ่อปู่เริ่มจากศาลกลาง แล้วเวียนไปรำจนครบทั้ง ๘ ศาลในชุมชน
ศรัทธาต่อพ่อปู่บ้านบาตรเริ่มจาก ช่วงที่ชุมชนบ้านดอกไม้ซึ่งเป็นชุมชนใกล้เคียงเกิดไฟไหม้ มีการระเบิดครั้งใหญ่และมีลูกพลุพุ่งเข้ามาในชุมชนบ้านบาตร ช่วงนั้นบ้านเรือนในบ้านบาตรส่วนใหญ่ทำจากไม้ คนในชุมชนต่างขอให้พ่อปู่ช่วยเพราะกลัวบ้านไฟจะไหม้บ้าน มีผู้หญิงชาวจีนซึ่งเป็นคนนอกชุมชนเห็นว่าช่วงที่ไฟไหม้มีคนแก่นุ่งขาวห่มขาวยืนถือพัดอันใหญ่อยู่บนหลังคาเหมือนถือพัดโบกให้ลมพัดไฟไปที่อื่นไม่ให้เข้าสู่บ้านบาตร
อีกเรื่องหนึ่งคือ ช่วงหนึ่งที่รายการคนค้นฅนนำเรื่องพ่อปู่บ้านบาตรมาออกอากาศ โดยมีลุงโป่ง ผู้มีอาชีพปั้นฤาษีในชุมชนป้อมมหากาฬเป็นผู้เล่าเรื่อง ลุงโป่งเล่าว่าพ่อปู่บ้านบาตรเคยไปเข้าฝันว่าให้มาหาท่านที่ชุมชน ท่านบอกว่าข้อมือท่านเจ็บ เมื่อลุงโป่งมาดูรูปปั้นพ่อปู่ก็พบว่าบริเวณข้อมือของรูปปั้นพ่อปู่มีการแตกร้าว ลุงโป่งจึงเข้ามาซ่อมแซมรูปปั้นให้
พิธีการไหว้พ่อปู่บ้านบาตร เป็นพิธีที่ชาวบ้านบาตรจัดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เลือกเอาวันที่เป็นวันพฤหัสบดีที่ถือเป็นวันครู หากในช่วงสงกรานต์ในปีนั้นไม่ตรงกับวันพฤหัสบดีก็จะมีการเลื่อนงานพิธีไปในช่วงก่อนหรือหลังสงกรานต์เล็กน้อยเพื่อให้ตรงกับวันพฤหัสบดี โดยทางคณะกรรมการชุมชนจะมีการตกลงวันที่แน่นอนในการจัดงานอีกครั้งหนึ่ง คนในชุมชนบ้านบาตรถือว่าพ่อปู่เป็นครูที่ต้องเคารพนับถือและเป็นครูบาตรที่ต้องกราบไหว้ก่อนการทำบาตรทุกครั้ง
โดยขั้นตอนในพิธีการไหว้พ่อปู่จะแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลัก ๆ คือ การไหว้พ่อปู่ในช่วงเช้า การรำถวายพ่อปู่ในช่วงสายและการแสดงละครชาตรีในช่วงหลังจากรำถวายเสร็จยาวไปจนถึงช่วงเย็น
การไหว้พ่อปู่จะไหว้กันในช่วงเช้าของงานพิธีไปจนถึงช่วงเพล คนในชุมชนจะนำของเซ่นไหว้มาไหว้พ่อปู่ตามศาลต่างๆ ในชุมชนทั้งหมด ๘ แห่งด้วยกัน โดยแต่ละแห่งจะเป็นบ้านของผู้ที่เคยทำหน้าที่แล่นบาตรในอดีต เนื่องจากสมัยก่อนการทำบาตรพระเป็นงานที่ต้องทำโดยใช้มือ ชาวบ้านบาตรทั้งแต่ละครอบครัวจะแบ่งหน้าที่ในการทำบาตรเช่น ครอบครัวหนึ่งมีหน้าที่ในการตีขอบบาตรก็จะตีขอบบาตรกันทั้งครอบครัว แล้วส่งต่อไปยังครอบครัวอื่นที่ทำบาตรในขั้นตอนถัดไปจนเสร็จ ดังนั้นครอบครัวที่ทำบาตรในขั้นตอนแล่นบาตรจึงมีเพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้นที่มีเตาแล่นบาตร อีกทั้งสมัยก่อนการไหว้พ่อปู่จะไหว้กันบริเวณศาลพ่อปู่ที่ตั้งรูปปั้นของท่านไว้ แต่ภายหลังสมาชิกในชุมชนเพิ่มมากขึ้นจึงต้องสร้างบ้านทับในบริเวณนั้น ทำให้พื้นที่ไม่เพียงพอและต้องมีการขยับขยายพื้นที่ออกไปไหว้ตามบ้านกันแทน

ของเซ่นไหว้ที่ชาวบ้านนำมาบูชาที่ศาลเตาแล่นบาตร
เครื่องเซ่นไหว้ในการไหว้พ่อปู่ของชาวบ้านบาตรแต่ละบ้านจะคล้ายคลึงกัน โดยมีของไหว้ที่สำคัญ คือ หัวหมูหรือหมูนอนตอง คือ หมูต้มที่วางไว้บนผักกาดหอม เป็ด ไก่ ปลานอนตอง ส่วนใหญ่จะใช้เป็นปลาช่อนต้มหรือปลาอื่น ๆ วางบนผักกาดหอม มะพร้าวอ่อน ข้าว ไข่ต้ม บุหรี่ หมากพลู บายศรี เหล้า น้ำดื่ม ผลไม้และขนมต้มขาว-ต้มแดง มีการแต่งหน้าของเซ่นไหว้ให้สวยงามด้วยกลีบดอกกุหลาบ ของไหว้จะถูกจัดวางเรียงไว้บนโต๊ะโดยปริมาณของเซ่นไหว้จะขึ้นอยู่กับกำลังและศรัทธาของแต่ละบ้าน
เมื่อทำพิธีไหว้พ่อปู่จะมีการรำถวายพ่อปู่ร่วมไปด้วย โดยละครชาตรีคณะเรืองนนท์ที่ประกอบไปด้วยตัวพระ ๒ คน ตัวนาง ๒ คน รำพร้อมวงปี่พาทย์ การรำถวายพ่อปู่จะเริ่มจากการรำที่ศาลากลางชุมชนเป็นที่แรก จากนั้นจะเวียนเปลี่ยนไปรำตามศาลที่ตั้งอยู่ในบ้านของชาวชุมชนที่มีการไหว้พ่อปู่เรียงกันไปจนครบทุกที่ ซึ่งศาลในบ้านที่มีการไหว้พ่อปู่นี้จะมี ‘เตาแล่นบาตร’ ที่ชาวชุมชนถือว่าเป็นตัวแทนของพ่อปู่ตั้งอยู่
ซึ่งเตาแล่นบาตรที่ชาวชุมชนถือว่าเป็นตัวแทนของพ่อปู่นั้น จะมีลักษณะเป็นปล่องทรงกระบอกตั้งคู่กันและมีช่องสูบไฟอยู่ด้านล่าง ใช้สำหรับการเชื่อมรอยตะเข็บของบาตรพระ เพื่อให้เหล็กเป็นเนื้อเดียวกันและไม่ให้บาตรมีรูรั่ว ในอดีตเตาแล่นบาตรจะเป็นแบบที่ใช้มือสูบลมเร่งไฟ ต่อมาภายหลังเปลี่ยนมาใช้แบบเครื่องเป่าลมไฟฟ้าแทน (อิสระพงษ์ พลธานี, ๒๕๕๕ อ้างถึงในพวงผกา คุโรวาท, ๒๕๔๙)
รูปแบบของเตาแล่นบาตรนี้ เป็นเตาถลุงโลหะหรือเตาที่ใช้ตีเหล็ก ตีมีด หรือทำเครื่องโลหะมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ยังมีใช้ในกลุ่มชาติพันธุ์หลายแห่งในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และชาวบ้านที่ยังคงทำโลหะด้วยมือเป็นงานหัตถกรรมโบราณที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งานแต่อย่างใด
หลังจากนั้นการรำของนางรำจะเริ่มต้นที่การไหว้ครูตามมาด้วยการรำถวายและจบที่การโปรยทาน นางรำจะทำตามขั้นตอนเช่นนี้ทุกครั้ง จนมาจบการรำลงที่ศาลที่ตั้งของรูปปั้นองค์พ่อปู่ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการรำถวายในช่วงสายของงานพิธี
หลังจากที่ชาวชุมชนไหว้พ่อปู่เสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีการแสดงละครชาตรีถวายพ่อปู่ที่บริเวณศาลากลางชุมชนยาวไปจนถึงช่วงเย็น ซึ่งละครชาตรีนี้ในอดีตไม่มีการแสดงละครชาตรีกันเพิ่งจะเริ่มมีการแสดงขึ้นมาในช่วงหลังนี้
พิธีการไหว้พ่อปู่ในแต่ละปีชาวชุมชนจะถือว่าเป็นการกลับคืนชุมชน คนที่ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกจะกลับมาบ้านบาตรอีกครั้ง เพื่อมาไหว้พ่อปู่และกลับมาพบปะพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องหรือญาติผู้ใหญ่ที่ยังคงอาศัยอยู่ในชุมชน เพราะเนื่องจากพื้นที่ของบ้านบาตรมีจำกัดทำให้ไม่สามารถขยายขออกไปได้มากกว่าเดิม เมื่อคนมากขึ้น คนหนุ่มสาวภายในชุมชนบ้านบาตรเมื่อมีครอบครัวจึงอาจมีความจำเป็นต้องย้ายออกไปอยู่ภายนอกและกลับมาบ้านบาตรอีกครั้งในช่วงวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญ ๆ
แม้ว่าการทำบาตรพระของชาวชุมชนบ้านบาตรจะลดน้อยลงและคนรุ่นใหม่หันไปประกอบอาชีพอื่นแทนการทำบาตรกันมากขึ้น แต่คนบ้านบาตรยังคงปลูกฝังให้ลูกหลานมีความเคารพนับถือพ่อปู่และและบูชาครูที่ประสาทวิชาให้แต่อดีต ทำให้คนในชุมชนที่ถึงแม้จะออกไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นยังคงสำนึกในบุญคุณของพ่อปู่และเห็นถึงความสำคัญของพิธีไหว้พ่อปู่บ้านบาตร
ปัจจุบันแม้คนเก่าแก่ในชุมชนจะล้มหายตายจากไป แต่คนรุ่นใหม่ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์และขั้นตอนของพิธีการไหว้พ่อปู่เหมือนเช่นเคย จะแตกต่างกันตรงที่สมัยก่อนการจัดพิธีไหว้พ่อปู่จะมีขึ้นในเดือน ๔ ของไทยหรือในช่วงวันตรุษไทย แต่ปัจจุบันมีขึ้นในช่วงเดือน ๕ หรือวันสงกรานต์ของไทยแทน
ปัจจุบันการทำบาตรพระของชาวชุมชนจะเริ่มลดน้อยลง จากอิทธิพลของบาตรปั๊มที่ผลิตออกมาจากโรงงานที่ทำให้การทำบาตรพระแบบงานฝีมือของชาวชุมชนซบเซาลงจนเหลืออยู่เพียงไม่กี่ครอบครัวที่ยังคงประกอบอาชีพทำบาตร แต่ความศรัทธาในพ่อปู่ของคนในชุมชนบ้านบาตรก็ยังคงอยู่ อันหมายถึงความเป็นชุมชนของคนบ้านบาตรยังมีอยู่เต็มเปี่ยม เป็นชุมชนหัตถกรรมที่มีโครงสร้างชุมชนตามธรรมชาติท่ามกลางเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพมหานครที่หาได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน
พัชรินธร เดชสมบูรณ์รัตน์
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
Comments