ตามหาร่องรอยสุวรรณภูมิที่โคกพริกและคูบัว : ชมศิลปกรรมทางพุทธศาสนาในยุคสุพรรณภูมิ- อโยธยาที่เมืองราชบุรี บริเวณเมืองโบราณคูบัว มีชุมชนสำคัญ คือโคกพริกที่มีโบราณวัตถุในยุคสุวรรณภูมิ ความสืบเนื่องของแหล่งทรัพยากรแร่ดีบุกและอื่นๆ ในเขตสวนผึ้งจนถึงบ้านคา และแหล่งศิลปกรรมของเมืองราชบุรีในช่วงระยะเริ่มแรกยุคสุพรรณภูมิ-อโยธยา ร่องรอยศิลปกรรมอันเนื่องจากพุทธศาสนาแบบมหายานเลียนแบบศิลปกรรมจากเมืองพระนครและเมืองอื่นๆ ในยุคพุทธศตวรรษที่ ๑๘ เหล่านั้น แม้ว่าพื้นที่จะห่างไกลและบริเวณนี้ก่อกำเนิดมาแต่ยุคสุวรรณภูมิรวมถึงยุคการค้าทางทะเลสมัยทวารวดี-ศรีวิชัยที่มีรากฐานของความเป็นเมืองที่นับถือพุทธศาสนาแบบมหายานปาละชัดเจน โดยการรับอิทธิพลผ่านพ่อค้าและนักเดินทางชาวอินเดียซึ่งอาจจะมีอายุยืนยาวมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ หรือ ๑๘ และ ๑๙ เพราะมีร่องรอยหลักฐานความสัมพันธ์กับชุมชนในทางคาบสมุทรทางรัฐตามพรลิงค์และไชยา จนเมื่อพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์เข้ามาและเกิดคลื่นการเปลี่ยนแปลงจากจีนเมื่อเปลี่ยนจากราชวงศ์ซุ่งเป็นราชวงศ์หยวน ซึ่งพื้นที่เมืองราชบุรีเป็นเมืองสำคัญในช่วงยุคนั้น ดังพบหลักฐานของเจดีย์แบบอโยธยาและใบเสมาหินทรายแดงลวดลายวิจิตรจำนวนมากตามวัดเก่าต่างๆ โดยเฉพาะที่หลุมดินซึ่งอยู่ตอนเหนือของเมืองราชบุรีเล็กน้อย
เมืองราชบุรีรุ่งเรืองต่อมาในยุคอโยธยา-สุพรรณภูมิ มีการสร้างศาสนสถานพระปรางค์แบบอยุธยาตอนต้นเช่นที่วัดมหาธาตุฯ นี้ลงไปบนศาสนสถานที่น่าจะเป็นพระปรางค์หรือปราสาทหินศิลาแลงผังแบบที่พบที่วัดกำแพงแลง เพชรบุรี คือมีกำแพงแก้วล้อมรอบ บนกำแพงแก้วนั้นมีเสมารูปพระพุทธรูปนั่งสมาธิ มีบรรณาลัยด้านข้าง พื้นที่ด้านในน่าจะเป็นฐานอาคารที่ยังเหลือศิลาแลงใช้ปรับมาเป็นฐานอาคารแบบอิฐในยุคต้นอยุธยา
ตามหาร่องรอยสุวรรณภูมิที่โคกพริกและคูบัว
จัดทำขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๓, หนังสือขนาดเอสี่ จำนวน ๕๐ หน้า ปกกระดาษอาร์ตสี ภาพภายในขาวดำ